สถานการณ์ในประเทศ

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า รัฐบาลจีนได้ทำลายปฏิบัติการจารกรรมของสำนัก ข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือ CIA ในช่วงระหว่างปี 2553-2555 โดยสังหาร หรือจำคุก แหล่งข่าวของ CIA ไปราว 18-24 คน นับเป็นการทำลายอย่างเป็นระบบต่อเครือข่าย ข่าวกรองที่ CIA ใช้เวลาหลายปีในการสร้างขึ้น . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน จำนวน 10 คน ที่ให้ข้อมูลนี้ ระบุว่า การรั่วไหล ในการหาข่าวกรองครั้งนี้ ถือเป็นครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลให้ CIA และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง หรือ FBI ต้องรีบสกัดกั้นความเสียหาย ขณะเดียวกัน ก็มีความเห็นขัดแย้งกัน โดยฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า มีสายลับจีนแฝงตัวอยู่ใน CIA ส่วนอีกฝ่ายเชื่อว่า จีนสามารถเจาะระบบที่ปิดลับของ CIA ที่ใช้ในการสื่อสารกับแหล่งข่าวในต่างประเทศ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ . ความสูญเสียของ CIA ในจีนในครั้งนี้ พอๆ กับความสูญเสียทรัพย์สินในรูปแบบของ สายข่าวในสหภาพโซเวียตและรัสเซีย เนื่องจากการทรยศของ “อัลดริช เอมส์” เจ้าหน้าที่ CIA ที่ถูกจับเมื่อปี 2537 และโรเบิร์ต ฮันส์เซ่น เจ้าหน้าที่ FBI ถูกจับเมื่อปี 2544 . นิวยอร์กไทม์ส ระบุุว่า สัญญาณแรกของความยุ่งยาก ปรากฎขึ้นเมื่อปี 2553 ที่ CIA ได้แหล่งข่าวระดับวงในรัฐบาลจีน ที่มีคุณภาพดีที่สุด แต่พอถึงปลายปี ข้อมูลข่าวสารเริ่ม หดหาย และพอถึงต้นปี 2554 ก็พบว่าพวกทรัพย์สินที่เป็นบุคลากร รวมถึงแหล่งข่าวที่มี ค่าที่สุดเริ่มหายตัวไป และเมื่อพบว่า แหล่งข่าวถูกสังหารมากขึ้น FBI และ CIA ก็เริ่มสอบสวน โดยใช้รหัส “ฮันนีย์ แบดเจอร์” (Honey Badger) โดยตรวจสอบประวัติลูกจ้างแทบทุกคน ที่ทำงานในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศจีน . แม้จะมีผู้ต้องสงสัยเป็นอดีต CIA ที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ซึ่งเคยทำงานในแผนกควบคุม การตรวจสอบการปฏิบัติการในจีน ที่ลาออกไปไม่นานก่อนการสูญเสียแหล่งข่าว แต่ก็ยังไม่มี หลักฐานเพียงพอจะจับกุม และเขายังพำนักอยู่ในประเทศหนึ่งในเอเชีย . รายงานของนิวยอร์กไทมส์ ระบุด้วยว่า CIA กำลังพยายามสร้างเครือข่ายข่าวกรองขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นความพยายามราคาแพงและใช้เวลาอย่างมาก