สถานการณ์ในประเทศ

พ.ต.อ ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม แถลงภาพรวมผลปฎิบัติการจู่โจม ตรวจค้นขบวนการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษีว่า จากการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 แห่ง สามารถอายัดรถยนต์ได้จำนวน 122 คัน ที่นำเข้าโดยบริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป มูลค่า ความเสียหายจากขบวนการดังกล่าว ทำให้รัฐเสียหายจากการเก็บภาษีไม่ครบถ้วน 2,400 ล้านบาท เฉลี่ยรถแต่ละคันจะชำระภาษี ขาด 10 – 18 ล้านบาทต่อคัน แต่ละคันจะสำแดงราคาเท็จไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์ของราคาจริง ซึ่งดีเอสไอ จะตรวจสอบ ย้อนหลังขบวนการนำเข้ารถยนต์ทุกกลุ่ม เพื่อเรียกเก็บภาษีคืนรัฐ ให้ครบถ้วน . ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับแผนประทุษกรรม ในการนำเข้ารถยนต์หลบเลี่ยงภาษี คือ การสำแดงเท็จ เช่น รถยี่ห้อลัมโบกีนี ที่ยึดจาก บริษัทนิชคาร์ 1 คัน ซึ่งนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2553 ราคาจากประเทศอิตาลี 286,000 ยูโร เมื่อมาถึงประเทศไทย มีขบวนการจัดทำเอกสารสำแดงราคาเป็น 105,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.4 ล้านบาท ต้องเสียภาษี 328 เปอร์เซ็นต์ หรือ 11 ล้านบาท ซึ่งหากคำนวณภาษีตามราคาจริง รถคันนี้จะมีราคาตั้งต้นอยู่ที่ 12 ล้านบาทเศษ ไม่ใช่ 3.4 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีในราคา 41 ล้านบาท เท่ากับว่ารถคันนี้ชำระภาษี ขาดไป 30 ล้านบาท ดังนั้น ดีเอสไอ จึงต้องอายัดรถที่นำเข้าโดยบริษัทนิชคาร์ เพราะหากปล่อย ให้มีการซื้อขาย ผู้ซื้อหรือผู้ครอบครองมือสุดท้าย จะมีภาระต้องชำระภาษีให้ครบถ้วน เต็มจำนวน