สถานการณ์ต่างประเทศ

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เตือนว่า กองทัพรัสเซียสามารถยับยั้งการรุกราน ที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่ทหาร 10,000 นาย เดินสวนสนามผ่านจตุรัสแดง พร้อมด้วย ยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ทรงอานุภาพร้ายแรง เช่น ขีปนาวุธ เนื่องในวันแห่งชัยชนะ เพื่อรำลึกถึงการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีปูติน ได้ร่วมเดินขบวนที่ จตุรัสแดง อันเป็นสัญลักษณ์ของการได้รับชัยชนะเหนือนาซีเยอรมัน ของสหภาพโซเวียต เมื่อปี 2488 และเป็นครั้งที่ 72 แล้วในปีนี้ โดยมีนายกรัฐมนตรี ดมิทรี่ เมดเวเดฟ และ อดีตประธานาธิบดี มิคาอิล กอร์บาชอฟ เข้าร่วม . ประธานาธิบดีปูติน ถูกมองว่า ต้องการใช้วันนี้แสดงแสนยานุภาพและความทันสมัยของ กองทัพ ซึ่งมีทหารเข้าร่วม 10,000 นาย รวมทั้งทหารหญิง และยุทโธปกรณ์ 114 หน่วย และเป็นครั้งแรกที่มีการนำขีปนาวุธพิสัยกลางชนิดพื้นที่ผิว-สู่-อากาศ “ทอร์” และ “แพนต์ซีร์” มาอวดโฉมต่อชาวโลกด้วย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กองทัพรัสเซียในอาร์คติก . การแสดงแสนยานุภาพครั้งนี้ ผิดแผนเล็กน้อย เนื่องจากต้องระงับการส่งอากาศยาน 72 ลำ ขึ้นไปบินเหนือท้องฟ้า เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย แม้ว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณ มหาศาลในการใช้สารเคมีสลายก้อนเมฆ เพื่อให้ท้องฟ้าสดใสก็ตาม ทำให้หมดโอกาส ที่จะได้เห็นฝูงบินรบอย่าง ซูคอย ซู-30 เอส เอ็ม ที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในซีเรีย . แต่ในวันนี้ ก็ถือเป็นวันแจ้งเกิดของนักเรียนจากกลุ่มยุวชน “ยูนาร์เมีย” ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ โดยกระทรวงกลาโหม เพื่อฝึกนักเรียน 3,000 คน ให้มีใจรักชาติและรักการเป็นทหาร ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “กองทัพยุวชนของปูติน”