สถานการณ์ต่างประเทศ

นายเอมมานูเอล มาครง นักการเมืองอิสระวัย 39 ปี ผู้มีแนวคิดสายกลาง คว้าชัยชนะ ในการเลือกตั้งรอบสองของฝรั่งเศส ก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนที่ 25 และยังสร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุด นับตั้งแต่จักรพรรดินโปเลียน เป็นต้นมา จนสื่อบางสำนัก ขนานนามให้เขาเป็น“นโปเลียนแห่งศตวรรษที่ 21” . ผลเอ็กซิท โพลล์ หลังปิดหีบเลือกตั้ง ชี้ว่า นายมาครง ซึ่งชูนโยบายให้ฝรั่งเศสคงความ เป็นสมาชิกของสหภาพยุุโรป หรือ อียู ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย เหนือ นางมารีน เลอ เปน วัย 48 ปี คู่แข่งที่มีแนวคิดขวาจัด จากพรรคแนวร่วมแห่งชาติ หรือ FN ด้วย คะแนน 65.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 34.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนางเลอ เปน ยอมรับความพ่ายแพ้ ในเวลาเพียง 15 นาที หลังจากทราบผลและได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายมาครง พร้อมอวยพรให้เขาประสบผลสำเร็จในภารกิจอันท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า ส่วนนายมาครง กล่าวว่า ชัยชนะจากการเลือกตั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความหวังและบทบาทใหม่ของฝรั่งเศส . การเลือกตั้งฝรั่งเศส อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังของกองกำลังรักษาความมั่นคง 50,000 นาย เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการโจมตีจากกลุ่มที่ไม่หวังดี และพบว่ามีผู้ใช้สิทธิ์ เพียง 65.3 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี 3 ครั้ง ที่ผ่านมา . มาครงประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ลูฟ ใจกลางกรุงปารีส หลังคว้าชัยชนะ บอกว่า ยุโรปและโลกกำลังรอคอยเรา ให้ช่วยกันปกป้องจิตวิญญาณแห่ง แสงสว่างทางปัญญาในทุกหนทุกแห่ง โดยเขาก้าวเดินพร้อมเสียงเพลง “โอเดย์ ทู จอย” ของบีโธเฟ่น ซึ่งเป็นเพลงชาติของสหภาพยุโรป . มาครงยังกล่าวถึงผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้ นางเลอ เปน ด้วยว่า คนเหล่านี้ไปลงคะแนนเสียง ด้วยอารมณ์โกรธ ซึ่งเขาเคารพคนเหล่านี้ และจะทำทุกอย่างในระยะเวลา 5 ปี เพื่อไม่ให้ คนเหล่านี้ มีเหตุผลที่ต้องไปเลือกผู้ที่มีแนวคิดหัวรุนแรงอีก วันนี้ พวกเขาเป็นชาวฝรั่งเศส ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน งานหนักกำลังรอเขาอยู่เบื้องหน้า ยุโรปกับทั้งโลกกำลังมองดู ฝรั่่งเศส และเขาจะทำงานเพื่อปฏิรูปยุโรป ฝรั่งเศสมีความกล้าหาญที่จะเลือก และเขา ก็จะรับใช้ประเทศนี้ ด้วยความนอบน้อมและเข้มแข็ง