สถานการณ์ในประเทศ

เช้าวันนี้ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. และคณะกรรมการ ระดับผู้ใหญ่ใน สตง.อีกจำนวน 5 คน เดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพเรือ (วังเดิม) เพื่อขอรายละเอียดสัญญาการจัดซื้อโครงการเรือดำน้ำ นายพิศิษฐ์ เปิดเผยว่า สตง. ขอพบ ผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อตรวจข้อมูลโครงการจัดหาเรือดำน้ำอย่างเป็นทางการ โดยจัดตั้ง ทีมงานพิเศษขึ้นมาตรวจโครงการดังกล่าว เทียบเท่าผู้อำนวยการสำนัก มีจำนวน 5 คน รับผิดชอบงานตรวจสอบทางด้านการจัดหาพัสดุ และบัญชีการเงิน และผู้ช่วยอีก 2 คน ซึ่งเอกสารที่ตรวจสอบเป็นเอกสารลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ในการตรวจสอบหลักฐาน ก็จะได้รับความกระจ่าง . โดย สตง.จะตรวจสอบโครงการเรือดำน้ำ ย้อนหลังไปจนถึงวันที่เข้าสู่คณะรัฐมนตรีว่า มีเหตุผล ความจำเป็นอย่างไร กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ทำตามระเบียบแบบแผนหรือไม่ และกฎหมายระเบียบข้อบังคับตามหลักเกณฑ์การจัดหา ตลอดจนการเปรียบเทียบข้อมูล คุณสมบัติเรือหลายประเทศ รวมทั้งเหตุผลที่เลือกเรือดำน้ำจีน . การตรวจสอบครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากกองทัพเรืออย่างดี เนื่องจากเป็นเอกสารลับ สตง.จะไม่นำเอกสารกลับไป แต่จะมาตรวจสอบที่กองทัพเรือทุกวัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยยึดหลักตรวจสอบของ สตง. พร้อมทั้งนำประเด็นข้อสงสัยของสังคม ตลอดจน ข้อชี้แจงของกองทัพเรือที่แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ มาประกอบการพิจารณาด้วย . เมื่อถามว่า ระหว่างที่ตรวจสอบเอกสาร กองทัพเรือสามารถเซ็นสัญญากับจีนได้หรือไม่ ผู้ว่า สตง. กล่าวว่า ไม่มีข้อห้าม ซึ่งถ้าระหว่างที่กองทัพเรือกำลังเซ็นสัญญาซื้อเรือดำน้ำ ถ้าพบข้อสังเกตมีนัยสำคัญ ที่ควรนำไปประกอบการพิจารณาของกองทัพเรือ หรืออาจ จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น สตง.จะรีบแจ้งเตือนกองทัพเรือทันที ส่วนจะระงับยับยั้ง หรือไม่ ก็อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ . สตง.จะตรวจสอบโครงการการจัดซื้อเรือดำน้ำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รับการส่งมอบ เรื่องจากเป็นงบประมาณผูกพัน ยืนยันว่า สตง.มีอิสระในการตรวจสอบ จากผลงาน ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าไม่มีเรื่องใดที่ สตง.จะกลัวอิทธิพลทางการเมือง ทุกอย่างดำเนินการ ตามหลักฐานข้อเท็จจริง ทั้งการเงิน การคลัง และงบประมาณ ตลอดจนการทำสัญญา รัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี เนื่องจากที่ผ่านมา มีปัญหาทั้งการซื้อขายมันสัมปะหลังแบบจีทูจี โครงการรับจำนำข้าวซึ่งเป็นเท็จหมด ดังนั้น จึงต้องใชความละเอียดรอบคอบ