สถานการณ์ในประเทศ

ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. พลตำรวจตรี กรไชย คล้ายคลึง ผู้บังคับการ ปคม. แถลงผลจับกุม 2 ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ กรณีรุมโทรมเด็กหญิง อายุ 14 ปี ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี คือ น.ส.ปวีณ์สุดา ขันสาทะ หรือ “แก้ม” อายุ 20 ปี และนายธนพัตร แสนคำ หรือ เจ๊ บีม อายุ 30 ปี ในข้อหา “สมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดค้ามนุษย์ แสวงหาผลประโยชน์ โดยมิชอบการจากการค้าประเวณี ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป ชักพาไป ซึ่งเด็กอายุ ไม่เกินสิบห้าปีแม้เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หรือโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำ ผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด” . ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยอมรับว่า นำเด็กหญิงเอ นามสมมติ ไปขายบริการจริง โดย น.ส.ปวีณ์สุดา บอกว่า วันเกิดเหตุ ช่วงเช้าเด็กหญิงเอ มาหา ก่อนจะพากันไปเที่ยว จากนั้น ช่วงเย็น เด็กหญิงเอ บอกว่าไม่มีเงินกลับบ้าน ให้ช่วยหาค่ารถกลับบ้าน ตนเองจึงโทรศัพท์ ติดต่อไปที่เจ๊บีม ซึ่งตัวน้องเอ ก็สมยอม ส่วนตนเองทำเช่นนี้เป็นครั้งแรก เป็นคนคิดเอง ทั้งหมด โดยที่ครอบครัวไม่รู้เรื่องด้วย รู้สึกเครียดมาก และรู้สึกผิด เป็นครั้งแรกที่ทำ จะจำเป็นบทเรียน ที่ทำไปทั้งหมดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่คิดว่าจะเดือดร้อนขนาดนี้ ต้องขอโทษทั้งแม่ และตัวน้องด้วย . ขณะที่ นายธนพัตร หรือ เจ๊บีม บอกว่า ขอโทษทุกคน ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่ทำอยู่มันผิด แต่ ณ ตอนนั้น ปฏิเสธไม่ได้ เป็นเรื่องล่อตาล่อใจ หลังจากนี้จะไม่ทำอีก และขอฝากให้ทุกคนมีสติ ในการทำสิ่งต่างๆด้วย . ด้านผู้บังคับการ ปคม. กล่าวว่า จริงๆแล้วไม่ควรบอกว่าน้องสมยอม เพราะจริงๆ ไม่ใช่ แต่ที่ทำไปเพราะอยู่ในภาวะจำยอม ซึ่งเป็นคำที่เหมาะสมกว่า คำว่าจำยอมคือภาวะ ที่ไม่สามารถดิ้นรนออกมาได้ อยู่ในหมู่คน หรือกลุ่มคน จึงเคลื่อนตัวไม่ได้ เมื่ออยู่ใน ภาวะจำยอมแล้ว เมื่อถูกเชิญชวนก็ต้องคล้อยตาม ซึ่งความหมายมันต่างกัน การสมยอม คือยินดี จำยอมคือถูกบังคับทางอ้อม พล.ต.ต.กรไชย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำงานตามกระแส โดยหลังจากนี้ ในกระบวนการ เยียวยาผู้เสียหาย ส่วน ปคม.จะหาตัวผู้กระทำผิดตามพยายานหลักฐานเพิ่มเติมที่สามารถ ชี้ชัดต่อไป จนกว่าจะสิ้นข้อสงสัยแน่นอน