สถานการณ์ในประเทศ

เมื่อเวลา 21.45 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดความวุ่นวายที่บริเวณอาคารผู้โดยสาร ขาออก ที่ชั้น 3 และ 4 เนื่องจากมีผู้โดยสารทัวร์ญี่ปุ่น จากบริษัทขายตรงกว่า 2 พันคน ตกค้างอยู่ที่สนามบิน ต่างพากันจับจองที่นั่ง บางรายนั่งกับพื้น ต่อมาเวลา 22.30 น. เจ้าของบริษัทขายตรงได้ส่งคลิปเสียงให้สมาชิกในกลุ่ม ระบุว่าไม่ได้จะทิ้งลูกทัวร์ และ ตั้งใจจะมาพบ แต่เนื่องจากผู้โดยสารรวมตัวกันไปแจ้งความ หรือรวบรวมรายชื่อต่างๆ ทำให้ปัญหาบานปลาย เกิดความวุ่นวายขึ้น ส่งผลกระทบให้เครื่องบินเช่าเหมาลำที่จะ เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น ไม่สามารถเดินทางมาลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ หรือถ้ามารับได้ ก็จะไม่สามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ญี่ปุ่นได้ จึงขอยกเลิก โปรแกรมทัวร์วันที่ 11 และ 12 เมษายนนี้ไปก่อน และขอให้ผู้โดยสารทุกคนสลายตัว หากใครที่ไม่ต้องการลงทุนธุรกิจดังกล่าวแล้ว ให้แจ้งชื่อกับบริษัท บริษัทจะเคลียร์ ค่าใช้จ่ายให้ภายใน 3 วัน ยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ขายทัวร์ แค่พาลูกทีมไปท่องเที่ยวเท่านั้น . เวลา 22.45 น. นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา เดินทางมารับฟังและร่วมแก้ไขปัญหา กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าการขายทัวร์ ไปเที่ยวญี่ปุ่นในวันที่ 11-16 เม.ย.นี้ ของบริษัทขายตรงเป็นการหลอกลวง เนื่องจาก เป็นการขายทัวร์ในราคาถูก ผ่านการสมัครสมาชิกซื้ออาหารเสริม จำนวน 9,730 บาท และเมื่อตรวจเช็คเที่ยวบินที่อ้างว่าเช่าเหมาลำ จำนวน 6 ลำ ก็ไม่มีเที่ยวบิน ดังนั้น จึงอยากขอให้ประชาชนที่ซื้อทัวร์ไปญี่ปุ่นกับบริษัทขายตรงบริษัท เข้าแจ้งความที่สถานี ตำรวจในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ส่วนที่กรุงเทพฯ ให้แจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อนำตัว เจ้าของบริษัทขายตรงมาดำเนินคดี . ต่อมาเวลา 00.18 น. ผู้เสียหายหลายคนเริ่มเข้าใจว่าถูกหลอก เนื่องจากมีการนัดหมาย ให้มาเช็คอินที่สนามบินก่อนเวลา 18.00 น. แต่เมื่อมาเช็คอิน ปรากฏว่าทำไม่ได้ และให้ มาเช็คอินอีกครั้งเวลา 20.00 น. กระทั่งเวลา 23.30 น.ก็ยังเช็คอินไม่ได้ จึงเดินทางไป แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจท่องเที่ยว สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สามารถควบคุมตัวแม่ทีม จำนวน 7 คน มาสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย . พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ได้นำพนักงานสอบสวน จ.สมุทรปราการ กว่า 50 นาย มาช่วยทำคดี โดยคัดแยก ผู้เสียหายแต่ละจังหวัด เพื่อให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ สามารถไป แจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สน.ในพื้นที่ รวมทั้งในต่างจังหวัด ก็ไปแจ้งความที่ สภ.ได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะรวบรวมสำนวนคดีทั้งหมดมาที่กองปราบปราม ดำเนินการ ต่อในวันนี้ (12 เม.ย.) เวลา 10.00 น. ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของที่แท้จริงได้ โดยวิธีการเช่นนี้ เปรียบเสมือนแชร์ลูกโซ่ หากพบว่ามีความผิดจริง จะต้องดำเนินคดี ในข้อหาฉ้อโกงต่อไป