สถานการณ์ในประเทศ

เกิดเหตุสะเทือนขวัญ มือระเบิดฆ่าตัวตายของไอเอส 2 คน กดระเบิดตัวเองที่ด้านนอก โบสต์คริสต์ใน 2 เมืองของอียิปต์ ขณะกำลังมีการประกอบพิธีทางศาสนาเนื่องใน วันปาล์ม ซันเดย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 คน บาดเจ็บราว 100 คน ขณะที่ ประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซีซี ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน . ภาพจากกล้องวงจรปิด แสดงให้เห็นคนร้ายถูกตำรวจ 3 นาย ขัดขวางไม่ให้เข้าประตู โบสถ์ เซนต์ มาร์ค ในเมืองอเล็กซานเดรีย เมื่อเช้าวันอาทิตย์ และตำรวจบอกให้เขา เดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ จากนั้นคนร้ายได้เดินผ่านตำรวจหญิงสองคนที่ยืนคุยกัน ก่อนจะเดินเข้าไปที่เครื่องตรวจจับโลหะและกดระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน บาดเจ็บ 41 คน รวมทั้งตำรวจ 3 นาย ทางการเชื่อว่าคนร้ายพุ่งเป้าโจมตีสมเด็จ พระสันตะปาปาทาวาดรอส ที่ 2 ผู้นำนิกายคอปติก ที่กำลังประกอบพิธีอยู่ในโบสถ์ และไม่ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น . เหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้น ตามหลังเหตุระเบิดโจมตีโบสถ์เซนต์ จอร์จ ในเมืองทันทา ที่ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน บาดเจ็บ 78 คน กลุ่มไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีทั้งสองครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันอีสเตอร์ และการเสด็จเยือนอียิปต์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสต์จักรนิกายโรมันคาทอลิค . ไอเอส เตือนก่อนหน้านี้ว่า จะเพิ่มการโจมตีที่รุนแรงต่อชาวคริสต์ในอียิปต์ ขณะที่ ผู้บัญชาการตำรวจในพื้นที่ถูกสั่งปลดทันที ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทวีตข้อความแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอียิปต์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของ สหรัฐฯ และแสดงความเชื่อมั่นว่า ผู้นำอียิปต์จะรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่าง เหมาะสม