นานา ไรบีนา ถึงสอบสวนกลาง ผู้เสียหาย 17 ราย สูญ 190 ล้าน
3 ธันวาคม 2568 11:12 น.
กทม.ชวนคนกรุง Work From Home รับมือวิกฤตฝุ่นพิษพุ่งแตะระดับสีส้ม 35 เขต 3 ธ.ค. 68 11:12 น.
3 ธันวาคม 2568 11:12 น.
3 ธันวาคม 2568 11:12 น.
21 พฤศจิกายน 2568 10:11 น.
24 พฤศจิกายน 2568 09:11 น.
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา กำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย ตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน และตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2560 โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560 เป็นปีที่ 2 ในรัชกาลปัจจุบัน . มีเนื้อหาว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราช โองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดบริเวณ ที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตกตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย ตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน และตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ . อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ . มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่า ฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย // ตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน และตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2560” . มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป . มาตรา 3 ให้บริเวณที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย ตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน และตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ภายใน แนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ เป็นอุทยานแห่งชาติ . มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี