สถานการณ์ในประเทศ

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ศาลอาญามีคำพิพากษา ตัดสินคดีนายปาค เนจัด ซีเยส รามิน หรือ นายอาเรียด รามิน ชาวอิหร่าน ผู้ต้องหาปลอมหนังสือเดินทาง ให้ผู้ที่ต้องการเข้าประเทศที่ 3 และเป็นขบวน- การลักลอบส่งคนเข้าประเทศที่ 3 และค้ามนุษย์รายใหญ่ในตะวันออกกลาง โดยพรางตัว เป็นนักธุรกิจในไทยมากว่า 10 ปี . สืบเนื่องจากผู้ต้องหาคนดังกล่าว เคยถูกจับกุมได้ที่ สภ.พัทยา แต่ศาลจังหวัดพัทยาให้ประ- กันตัว หลังจากนั้นผู้ต้องหาหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งดีเอสไอประสาน ทางการมาเลเซีย ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยใช้เวลาประมาณ 3 ปี เนื่องจากผู้ต้องหา ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีที่ศาลมาเลเซีย เพื่อขอให้ศาลไม่ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย . จนเมื่อวันที่ 26 เมษายน ปีที่แล้ว ศาลสหพันธรัฐมาเลเซียมีคำสั่งถึงที่สุด ให้ส่งตัวผู้ต้องหา กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยเมื่อ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา . พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดศาลอาญาพิจารณาคดีและมีคำพิพากษาว่า จำเลยมี ความผิดตาม พรบ.ยาเสพติด มาตรา 15(1) มาตรา67 ป.อาญามาตรา 246 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ฐาน มีเฮโรอีน ไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานปลอมแปลงเอกสาร 9 ฉบับ เป็นความผิด 9 กรรมต่างกัน จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมโทษ 9 ปี . เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว ต้องจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประ- โยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมายมาตรา 78 ลดโทษลงครึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 5 ปี และริบของกลางตามบัญชีของกลางเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555