SMART NEWS

กทม.ชวนคนกรุง Work From Home รับมือวิกฤตฝุ่นพิษพุ่งแตะระดับสีส้ม 35 เขต 3 ธ.ค. 68 11:12 น.

สถานการณ์ในประเทศ

อุตุฯ ชี้แจง ข่าวลือประเทศไทยจะเกิดฮีตเวฟ 20-22 มี.ค.นี้ ไม่เป็นความจริง

views

สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ออก ประกาศชี้แจงข่าวลือเรื่องคลื่นความร้อนหรือฮีตเวฟ (Heat Wave) บริเวณประเทศไทย ระบุว่า ตามที่มีการส่งต่อข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุว่า "ในช่วงวันที่ 20-22 มีนาคมนี้ จะเกิดคลื่นความร้อน หรือฮีตเวฟ (Heat Wave) บริเวณประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์อีควิน็อกซ์ (Equinox) ทำให้อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้เกิดโรค “ลมแดด หรือฮีทสโตรก” ซึ่งมีอันตราย ต่อสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตได้" . กรมอุตุนิยมวิทยา ขอยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงและไม่ได้มีที่มาจากกรม อุตุนิยมวิทยาของประเทศต่างๆ ข้างต้น ซึ่งข้อเท็จจริง คือ "ปรากฏการณ์อีควิน็อกซ์ เป็นวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับบริเวณเส้นศูนย์สูตรพอดี ทำให้ช่วงเวลา กลางวันเท่ากับกลางคืน และจะเกิดขึ้นวันที่ 20 หรือ 21 มีนาคมของทุกๆ ปี และไม่ได้ เป็นสาเหตุทำให้เกิดคลื่นความร้อน หรือฮีตเวฟ และในช่วงวันดังกล่าวของปีนี้ บริเวณ ประเทศไทยไม่ได้มีอากาศร้อนจัด เนื่องจากคาดการณ์ว่าระหว่างวันที่ 14-19 มีนาคมนี้ จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ส่งผลให้อากาศคลายความร้อนลง ส่วนช่วงที่ร้อนที่สุดของ ประเทศไทยคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เหมือนทุกๆ ปี และปีนี้จะไม่ร้อนมากกว่าปี 2559 . สำหรับคลื่นความร้อนนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อ "อุณหภูมิสูงสุดประจำวันสูงกว่าค่าปกติโดยเฉลี่ย มากกว่า 5 องศาเซลเซียส ติดต่อกันเกินกว่า 5 วันขึ้นไป (อ้างอิงจากองคืการอุตุนิยทวิทยาโลก) ในส่วนของประเทศไทยจะไม่มีคลื่นความร้อนเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าอุณหภูมิในตอนกลางวัน จะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะไม่สูงเกินค่าปกติมากนัก และในช่วง กลางคืนถึงช่วงเช้าอากาศจะคลายความร้อนลง ทำให้ไม่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน ส่วนกรณี ของโรคลมแดด หรือฮีทสโตรกนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด ซึ่งจะส่งผล โดยตรงต่อผู้ป่วย ผู้สูงวัย เด็ก และผู้ที่ทำงานประกอบกิจการกลางแจ้ง จึงขอให้กลุ่มเสี่ยง เหล่านี้ดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน และควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ . สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 และหมายเลข โทรศัพท์ 0-2399-4012-3 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

TW-headbar