สถานการณ์ในประเทศ

พันตำรวจเอก ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ในฐานะโฆษก ดีเอสไอ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้วัดพระธรรมกาย ยังไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ในการเข้าตรวจค้น คาดว่าเจ้าหน้าที่จะตัดสินใจดำเนินการในเร็วๆ นี้ และ ภายในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าที่ชัดเจน ทั้งนี้ยืนยันแผนปฏิบัติการไม่ล้มเหลว สำหรับพระสงฆ์และประชาชนที่ขัดขวางการเข้าตรวจค้นจะถูกดำเนินคดีทั้งหมด เจ้าหน้าที่พยายามหาจุดยุติ แต่ต้องไม่ให้เกิดผลกระทบในภาพรวม และเราไม่มองข้าม ประเด็นอ่อนไหวที่วัดพระธรรมกาย หยิบยกประเด็นทางศาสนาขึ้นมาปกป้องตัวเอง และขัดขวางเจ้าหน้าที่ . อย่างไรก็ตาม สังคมมีคำตอบถึงปฏิกิริยาต่อต้านการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ จะเข้าไปทำลายศาสนา ซึ่งเป็นเพียงการปกป้องตัวเอง ทุกอย่างต้องมีจุดจบ แต่จะจบเมื่อใด ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย โดยผลปฏิบัติการ 20 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องอดทน ต่อการยั่วยุ ซึ่งเงื่อนไขสำคัญคือต้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง . ส่วนปฏิบัติการเข้าค้นจะจบลงภายในวันที่ 10 มี.ค. ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีจะหารือกับ สำนักพระพุทธศาสนาในประเด็นที่มหาเถรสมาคม จะประชุมเพื่อพิจารณาสึกพระธัมมชโยหรือไม่ โฆษก ดีเอสไอ กล่าวว่า การทำงานของภาคปฏิบัติ แยกส่วนออกจากการประชุมของระดับบริหาร ส่วนตัวมองว่าการสึกพระธัมมชโย อาจส่งผลต่อการดำเนินการของระดับปฏิบัติบ้าง แต่ไม่เชื่อว่า จะทำให้การจับกุมสามารถทำได้โดยง่าย . สำหรับพระสงฆ์ 14 รูป ที่ ดีเอสไอ ออกหนังสือเรียกให้มารายงานตัวไปก่อนหน้านี้ รายงานตัวแล้ว 6 รูป ประกอบด้วย พระครูถวัลย์ศักดิ์ ยติสโก, พระมหาสมชาย ฐานวุฒิโฒ, พระมหานพพร ปุญญชโย, พระแสนพล เทพเทพา หรือ สิบเอกแสนพล เทพเทพา, พระภาสุระ ทนตมโน (ใจวงศ์) และ พระครูสังฆรักษ์ อนุรักษ์ โสตถิโก หรือพระครูแอ และยังขาดอีก 8 รูป นอกจากนี้ยังได้เตรียม เรียกบุคคลที่มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.เพิ่มอีก 70 คน ขณะที่ในภาพรวม ดีเอสไอ ออกคำสั่ง เรียกให้บุคคลเข้ารายงานตัวแล้ว 160 ราย