นานา ไรบีนา ถึงสอบสวนกลาง ผู้เสียหาย 17 ราย สูญ 190 ล้าน
3 ธันวาคม 2568 11:12 น.
กทม.ชวนคนกรุง Work From Home รับมือวิกฤตฝุ่นพิษพุ่งแตะระดับสีส้ม 35 เขต 3 ธ.ค. 68 11:12 น.
3 ธันวาคม 2568 11:12 น.
3 ธันวาคม 2568 11:12 น.
21 พฤศจิกายน 2568 10:11 น.
24 พฤศจิกายน 2568 09:11 น.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรากรปกป้องพิทักษ์ กิจการพระศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรองข่าวทาง สถานีวิทยุ 102 เมกกะเฮิร์ต ถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ และร่างพ.ร.บ.ว่า ด้วยการจัดการทรัพย์สินวัด และพระภิกษุ ว่า ร่างพ.ร.บ.สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ เพื่อให้มีองค์กร ไปตีความพระธรรมวินัยไม่ให้มีการบิดเบือนเพราะขณะนี้เกิดการตีความว่า พระภิกษุสงฆ์รับ หรือไม่รับเงินได้หรือไม่ ไม่มีใครตีความชัดเจน ซึ่งร่างพ.ร.บ.นี้ จะเป็นองค์กรที่ผสมผสาน ระหว่างคณะกรรมการกฏษฏีกาและศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อมาตีความพระธรรมวินัย โดยมีทั้ง พระภิกษุอุบาสก อุบาสิกา ผู้เชี่ยวชาญ มาทำหน้าที่ โดยจะมีความแตกต่างกับมหาเถรสมาคม ที่เป็นองค์กรปกครองคณะสงฆ์ เมื่อสภาพุทธบริษัทตีความจากองค์กรนี้แล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องนำ ไปปฏิบัติเช่น กรณีพระธัมมชโย ที่รับเงินมาแล้วมีการยักยอกทรัพย์ ผิดพระธรรมวินัย แต่บางคนบอกไม่ผิด เพราะคืนเงินวัดแล้ว เป็นต้น สภาพุทธบริษัทจะไปตีความหากผิด วินัยสงฆ์ พระอธิกรณ์จะนำไปดำเนินการต่อไป . นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุ เพื่อให้การ จัดการทรัพย์สินของวัด และทรัพย์สินของพระภิกษุเป็นไปอย่างเหมาะสม มีการเปิดรายการ ทรัพย์สินวัด พระภิกษุสงฆ์ มีการทำบัญชีราชการทรัพย์สินอย่างเป็นระรบบ ซึ่งวัดเป็นนิติ บุคคลเช่นเดียวกับบริษัทเอกชน กระทรวง มูลนิธิ องค์กรต่างๆ ซึ่งองค์กรเหล่านี้จะต้องทำ บัญชีทรัยพ์สินตามมาตราฐานบัญชี วัดก็เช่นกัน เมื่อทำบัญชีแล้ว ต้องมีผู้สอบสอบบัญชีมา ตรวจสอบ และสามารถเปิดเผยได้ ที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่า วัดและพระภิกษุสงฆ์มีเงินและ ทรัพย์สินเท่าไหร่ ทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นของวัดหรือทรัพย์สินส่วนตัวของพระ บางครั้งมีการ ยักยอกเงินวัดเป็นทรัพย์สินของตนเอง ซึ่งการทำบัญชีนี้จะทำให้ทรัพย์สินของวัดไม่รั่วไหล ตรวสอบได้ . นอกจากนี้ ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างอยู่ในสมณเพศให้ถือเป็นของวัด แต่จ่าย ทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามสมควร และเกี่ยวกับศาสนกิจเท่านั้น จะนำไปให้ญาติไปซื้อรถซื้อบ้าน ไม่ได้ ซึ่งต้องทำบัญชีรายงาน และเมื่อพ้นจากความเป็นพระหรือมรณภาพ ให้ตกเป็นของวัด เช่นกัน โดยเป็นไปตามพระธรรมวินัย ซึ่งเรื่องนี้จะมีคณะกรรมการจัดการทรัยพ์สินของวัด ทั้งพระสงฆ์ เจ้าอาวาส และอื่นๆ มาเป็นผู้ดูแล “การเสนอร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ อาจมีเสียง ต่อต้านจากพระภิกษุสงฆ์บางส่วน แต่ต้องทำ เพราะมีเสียงเรียกร้องของประชาชน โดยยกตัวอย่างจากวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย ซึ่งปัญหานี้มีหลายวัด พระหลายรูปที่มี ปัญหา ตนเองจึงเสนอร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ หรือ สนช. นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการต่อหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับกระแสสังคม หากเรียกร้องมาก ตนเองเชื่อว่านายกรัฐมนตรี และสนช.จะรับฟังและดำเนินการตามขั้นตอน ต่อไป ซึ่งคงไม่มีการล่ารายชื่อ เพราะเรื่องนี้ถึงหูผู้ที่เกี่ยวข้องผ่านทางช่องทางอินเตอร์เน็ต โดยการนำกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช เพื่อให้ทรงทราบเท่านั้น