SMART NEWS

ทรัมป์ขู่ปลดพนักงานรัฐครั้งใหญ่ ถ้ารัฐบาลเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ 1 ต.ค. 68 12:10 น.

สถานการณ์ต่างประเทศ

ทรัมป์ขู่ปลดพนักงานรัฐครั้งใหญ่ ถ้ารัฐบาลเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์

views

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหรัฐกำลังเข้าสู่ “ภาวะชัตดาวน์” ของรัฐบาล หลังผลลงมติขยายเวลาใช้งบประมาณก่อนเส้นตายเที่ยงคืนในวุฒิสภาสหรัฐ “ไม่ผ่าน” และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่า จะปลดพนักงานของรัฐบาลกลางครั้งใหญ่

จอห์น ธูน ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภากล่าวว่า วุฒิสภาจะลงมติอีกครั้งในวันพุธต่อร่างกฎหมายที่ผ่านจากสภาผู้แทนฯ มา

ก่อนการลงมติดังกล่าว ทรัมป์ยิ่งทำให้สถานการณ์ร้อนแรงขึ้น เขาขู่ว่าจะ “ยกเลิกโครงการที่พรรคเดโมแครตสนับสนุน” และ “ไล่พนักงานรัฐบาลกลาง” ออกเพิ่ม หากรัฐบาลเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์

“เราจะเลิกจ้างคนจำนวนมาก” เขาบอกกับผู้สื่อข่าว “และพวกเขาจะเป็นพรรคเดโมแครต”

การเลิกจ้างเช่นนี้ จะยิ่งซ้ำเติมการสูญเสียบุคลากรคุณภาพของรัฐบาล ขณะนี้มีพนักงานมากกว่า 150,000 คน เตรียมออกจากภาครัฐในสัปดาห์นี้ หลังจากรับข้อเสนอรับเงินออก ซึ่งถือเป็นการเลิกจ้างครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี และยังมีพนักงานอีกหลายหมื่นคนที่ถูกเลิกจ้างไปแล้วก่อนหน้านี้ในปีนี้

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังปฏิเสธที่จะใช้งบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ที่สภาคองเกรสอนุมัติแล้ว ทำให้สมาชิกเดโมแครตบางส่วนตั้งคำถามว่า เหตุใดพวกเขาจึงควรโหวตรับร่างงบประมาณใด ๆ อีก

ในบันทึกถึงพนักงานที่กำลังจะถูกพักงาน โดยไม่ได้รับค่าจ้าง หลายหน่วยงาน รวมถึงกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานประกันสังคมได้กล่าวโทษพรรคเดโมแครตว่า เป็นต้นเหตุของการชัตดาวน์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการละเมิดธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านาน ที่มุ่งคุ้มครองข้าราชการจากแรงกดดันทางการเมืองแบบแบ่งพรรคแบ่งพวก

ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐบาลได้ออกแผนการชัตดาวน์อย่างละเอียด โดยจะปิดสำนักงานด้านวิจัยทางวิทยาศาสตร์ บริการประชาชน และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ถูกมองว่า “ไม่จำเป็น” พร้อมส่งพนักงานหลายหมื่นคนกลับบ้านโดยไม่ได้รับค่าจ้าง

ขณะที่ทหาร เจ้าหน้าที่ชายแดน และผู้ที่ทำงานที่ถือว่า “จำเป็น” ตามดุลยพินิจของรัฐบาล จะยังคงทำงานต่อ แต่จะไม่ได้รับค่าตอบแทนจนกว่าสภาคองเกรสจะแก้ไขข้อขัดแย้งได้

ก่อนหน้านั้น รัฐบาลเคยชัตดาวน์ครั้งล่าสุดในปี 2018–2019 เป็นเวลา 35 วัน ในช่วงสมัยแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากข้อพิพาทเรื่องนโยบายคนเข้าเมือง ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 0.02% ของจีดีพี ตามการประเมินของสำนักงานงบประมาณรัฐสภา

ประเด็นขัดแย้งในครั้งนี้คือ “วงเงิน 1.7 ล้านล้านดอลลาร์” ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของงบประมาณรัฐบาลทั้งหมดที่มีมูลค่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่ที่เหลือถูกใช้ไปกับโครงการด้านสุขภาพ การเกษียณอายุ และดอกเบี้ยหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงถึง 37.5 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ สายการบินเตือนว่า การชัตดาวน์อาจทำให้เที่ยวบินล่าช้า ขณะที่กระทรวงแรงงานระบุว่า จะไม่เผยแพร่รายงานการว่างงานรายเดือน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ทั่วโลกจับตา

ส่วนสำนักงานธุรกิจขนาดเล็กประกาศว่า จะหยุดออกสินเชื่อ และสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจะระงับความพยายามบางส่วนในการทำความสะอาดมลพิษ

ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า ภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้จะยืดเยื้อเพียงใด ตั้งแต่ปี 1981 เป็นต้นมา สภาคองเกรสเคยทำให้รัฐบาลชัตดาวน์มาแล้ว 15 ครั้ง โดยส่วนใหญ่กินเวลาเพียง 1–2 วัน แต่ครั้งล่าสุดในสมัยทรัมป์กลับยืดเยื้อนานที่สุด

#Reuters

TW-headbar