
สหรัฐ-จีน บรรลุข้อตกลงลดภาษีชั่วคราว
14 พฤษภาคม 2568 06:05 น.
ตำรวจ ปคบ. จับนายหน้าผลไม้เถื่อนชาวเวียดนาม 14 พ.ค. 68 11:05 น.
14 พฤษภาคม 2568 06:05 น.
13 พฤษภาคม 2568 14:05 น.
13 พฤษภาคม 2568 13:05 น.
13 พฤษภาคม 2568 13:05 น.
หลังจากการเผชิญหน้าอย่างตึงเครียด ลั่นวาจาว่าสู้ไม่ถอย สหรัฐกับจีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ของโลก ร่วมโต๊ะเจรจากันเป็นครั้งแรก ผลที่ออกมาอาจดีเกินคาดหมาย แต่ยังมีอีกหลายคำถามรอคำตอบ เพื่อบรรเทาบาดแผลที่ได้เกิดขึ้นแล้ว
เรียกว่าเป็นข้อตกลงสงบศึกชั่วคราว หรือชัยชนะของฝ่ายใดก็ตามแต่ ที่แน่ๆ ทั้งโลกหายใจหายคอได้โล่งขึ้นบ้าง ทันทีที่ผู้แทนของสหรัฐและจีนประกาศผลการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ตลาดหุ้นทั่วโลกขานรับ
ทั้งสองฝ่ายตกลงตัดลดอัตราภาษีของสินค้าแต่ละฝ่ายลง สหรัฐลดภาษีกับสินค้าจีน จาก 145 เปอร์เซ็นต์ ลงเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ จีนลดภาษีกับสินค้าสหรัฐ ลงจาก 125 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ให้มีผล 90 วัน
แม้ว่าไม่ได้กำจัดภาษีไปทั้งหมด แต่ถือได้ว่าในทางปฏิบัติช่วยให้สถานการณ์สงครามการค้าเปลี่ยนโฉมไป ทั้งสองฝ่ายรับปากจะเจรจากันต่อไป
สุ้มเสียงฟังดูถ้อยทีถ้อยอาศัยมากขึ้นจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวในวันประกาศอัตราภาษีที่เรียกว่าวันประกาศเอกราช
ที่ชี้ว่าสหรัฐถูกเอารัดเอาเปรียบ ปล้น ฉกชิง และขืนใจ แถลงการณ์ล่าสุดกล่าวถึงความสำคัญของความสัมพันธ์การค้าและเศรษฐกิจระยะยาวที่ยั่งยืน และเป็นประโยชน์ร่วมกัน เขาลงข้อความในสื่อออนไลน์ว่าเป็นการรีเซ็ตใหม่ด้วยการเจรจาที่เป็นมิตรและสร้างสรรค์
ส่วนจีนจากที่เคยรายวันว่าจะสู้ไม่ถอย กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่าข้อตกลงกับสหรัฐเป็นสำคัญในการสานความต่าง และทางไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดขึ้น การตัดสินใจครั้งนี้อาจเป็นไปอย่างที่นายทรัมป์ หรืออาจเป็นเพราะเขาต้องจำนนกับความเป็นจริง ที่เห็นได้จากตลาดทุนที่ตกต่ำ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ถดถอย และสภาพตลาดทีซบเซา
ที่แน่ๆ สหรัฐ ไม่อยากเจ็บ นายสก็อต เบซเซนท์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวหลังการเจรจาว่าทั้งสองฝ่ายต้องการค้าขาย เห็นแล้วว่าภาษีสูงเทียบเท่ากับการคว่ำบาตรการค้า
ในส่วนของจีนก็ต้องกังวลอย่างหนักกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่รุมเร้าด้วยวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ การว่างงานในหมู่คนหนุ่มสาว และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดต่ำลง ภาคการผลิตเริ่มมีการลดพนักงาน เพื่อรับมือกับยอดส่งออกที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ใช้โอกาสที่ได้พบกับจากอเมริกาใต้ ส่งสารย้ำเตือนไปยังนายทรัมป์ และทั้งโลก ว่าการข่มเหงรังแกและลัทธิครองความเป็นใหญ่รังแต่จะทำให้ถูกโดดเดี่ยว
90 วันจากนี้ถือได้ว่าทั้งสองประเทศยังต้องเจรจากันต่อไปเพื่อข้อตกลงขั้นสุดท้าย และเพื่อคลายความกังวลของคนทั่วโลกที่ยังมีคำถามในใจว่าแล้วประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย ที่ถูกนายทรัมป์กำหนดภาษีไว้ และอยู่ระหว่างการชะลอการบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะสามารถเจรจาแบบเดียวกันนี้ได้ใช่หรือไม่
ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและสงครามการค้า ที่ได้เกาะกินใจสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ธุรกิจ ผู้ค้า ผู้ผลิตจะต้องปรับเปลี่ยนรับมือกับภาษีทรัมป์ ต่อไปหรือจะสามารถกลับไปเดินแผนธุรกิจเดิมได้หรือไม่
นายทรัมป์ต้องการสงบศึกแบบไหน จีนยังคงเป้าหมายอันดับหนึ่งในสงครามการค้าอยู่หรือไม่ หรือนี่เป็นเพียงแค่การพักยกเพื่อรอเวลาสู้กันใหม่