กองทัพบกจัดกิจกรรมน้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร.9
4 ธันวาคม 2567 11:12 น.
4 ธันวาคม 2567 11:12 น.
4 ธันวาคม 2567 10:12 น.
4 ธันวาคม 2567 09:12 น.
3 ธันวาคม 2567 09:12 น.
เจ้าหน้าที่เวียดนามและผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า เวียดนามกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการค้าภายใต้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ เพราะอาจได้รับลูกหลงจากนโยบายปกป้องทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี เตรียมเป็นผู้นำสหรัฐคนที่ 47
เวียดนามเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ไปสหรัฐ และมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐ 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 ล้านล้านบาท) นับจนถึงเดือนกันยายน เป็นคู่ค้าที่เกินดุลกับสหรัฐมากเป็นอันดับ 4 รองจากจีน สหภาพยุโรป และเม็กซิโก และเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่สหรัฐขึ้นภาษีสินค้าจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่เริ่มมาใช้มาตั้งแต่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรกในปี 2560-2564
เจ้าหน้าที่เวียดนามระบุว่า การที่ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงถึงร้อยละ 60 หากได้รับเลือกตั้งอีกสมัย เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะที่ผ่านมาเวียดนามเกินดุลการค้าสหรัฐ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นสถานที่ประกอบชิ้นส่วนที่ส่วนใหญ่ผลิตในจีน นอกจากนี้ทรัมป์ยังขู่จะขึ้นภาษีสูงสุดร้อยละ 20 กับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศด้วย
บริษัทกฎหมายสากลแห่งหนึ่งในเวียดนามชี้ว่า เวียดนามมีความเสี่ยงสูงที่จะตกเป็นเป้าหมายของมาตรการปกป้องทางการค้าและได้รับลูกหลง แต่ในขณะเดียวกันมาตรการปกป้องทางการค้าของทรัมป์อาจเร่งให้เกิดการย้ายห่วงโซ่อุปทานจากจีนไปยังตลาดอื่น ๆ ซึ่งเวียดนามน่าจะเป็นจุดหมายแรก ๆ ของบริษัทที่คิดย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
นักการทูตในเวียดนามคนหนึ่งแนะว่า เวียดนามอาจลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐได้ด้วยการสั่งซื้อสินค้าราคาสูงจากสหรัฐ เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลวหรือแอลเอ็นจี (LNG) และเครื่องบินลำเลียงซี-130 ขณะที่นักลงทุนคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า เวียดนามอาจได้ประโยชน์ เพราะองค์กรทรัมป์ที่เป็นกลุ่มธุรกิจของเขา เพิ่งเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทเวียดนามเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อพัฒนาโครงการสนามกอล์ฟและโรงแรมมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 51,555 ล้านบาท) ในเวียดนาม