สถานการณ์ต่างประเทศ

สื่อฮ่องกงระบุว่า กรุงเทพฯ ของไทยกลายเป็นแหล่งของการรับประทานอาหารที่ได้รับประสบการณ์พิเศษหรือไฟน์ไดนิ่ง (fine-dining) ด้วยราคาจับต้องได้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยการมอบประสบการณ์หรูหราที่ราคาถูกกว่าฮ่องกงหรือนิวยอร์กของสหรัฐ

เว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ของฮ่องกงรายงานอ้างบทความของสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่งในกรุงเทพฯ กำลังเติบโต ในขณะนี้มีภัตตาคาร 6 แห่งที่ได้รับดาวมิชลิน 2 ดาว และมากกว่า 20 แห่งที่ได้รับดาวมิชลิน 1 ดาว นอกจากน้ันยังมี 9 ร้านที่ติดอันดับ 50 รายชื่อร้านอาหารดีที่สุดในเอเชีย เทียบกับกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นและฮ่องกงที่มีร้านติดอันดับ 6 ร้านและ 5 ร้านตามลำดับ

ขณะเดียวกันร้านอาหารดัง ๆ ในกรุงเทพฯ มีราคาถูกกว่าที่อื่น จึงดึงดูดนักชิมให้มาเยือนเพิ่มมากขึ้น และมีความสำคัญมากขึ้นต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ครองส่วนแบ่งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของไทยถึงร้อยละ 11.5 ก่อนโควิด-19 ระบาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้ามีรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 ที่ 2.3 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ร้อยละ 20 มาจากการใช้จ่ายด้านอาหาร และตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนเป็นร้อยละ 25 ภายในปี 2570

รายงานระบุว่า กรุงเทพฯ เป็นแหล่งดึงดูดเชฟที่มีความกระตือรือร้น แต่ไม่มีทุนมากพอที่จะเปิดร้านในประเทศอื่น นอกจากนี้กรุงเทพฯ ยังได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้สามารถเข้าถึงวัตถุดิบคุณภาพสูงในประเทศได้ดีขึ้น จากเดิมที่ต้องนำเข้าเพียงอย่างเดียว.