สถานการณ์ต่างประเทศ

ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเริ่มผ่อนคลายมาตรการโควิด ให้ประชาชนใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และเริ่มเปิดรับเที่ยวบินจากต่างประเทศ ก็มีข่าวการค้นพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ทำให้บางประเทศต้องสั่งจำกัดการเดินทางเข้าประเทศอีกครั้ง และบางประเทศก็ต้องชะลอแผนการยกเลิกมาตรการโควิดเอาไว้ก่อน

องค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า จากการอ้างอิงข้อมูลของหน่วยงานด้านสาธารณสุขแอฟริกาใต้ พบว่า เชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา แม้จนถึงตอนนี้เดลตายังคงครองสัดส่วนมากที่สุดถึง 99% ในบรรดาผู้ติดเชื้อทั่วโลก แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่โอมิครอนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่มีการแพร่ระบาดทั่วโลก โดยนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก และสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของแอฟริกาใต้ ระบุว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่นดูเหมือนจะมีความเสี่ยงสูงที่จะสามารถติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้อีก แต่เชื่อว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้

นักวิจัยพบว่า โอมิครอน มีการสะสมการกลายพันธุ์มากจนน่าตกใจถึงเกือบ 50 ครั้ง แสดงว่าเชื้อไวรัสไม่เคยถูกค้นพบมาก่อนเป็นเวลานานมาก ในพื้นที่ที่ไม่มีการตรวจหรือเฝ้าระวังการระบาด หรือเกิดการติดเชื้อเรื้อรังในกลุ่มผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทำให้เชื้อไวรัสยังคงอาศัยอยู่และแบ่งตัวสะสม และกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ก่อนแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การแพร่ระบาดของโอมิครอนอาจเกิดขึ้นแถบตอนใต้ของแอฟริกา ซึ่งไม่มีระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา และอัตราการฉีดวัคซีนยังต่ำ และการตามหาต้นตอการกลายพันธุ์อาจเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก หลังจากที่ตรวจพบเชื้อเมื่อตอนที่มีการแพร่กระจายเป็นวงกว้างแล้ว เมื่อนักเดินทางจากแอฟริกาใต้ ได้พาเชื้อไปแพร่กระจายในประเทศต่างๆ หลายกรณีผู้ติดเชื้อเป็นนักเดินทางจากแอฟริกาใต้ แอฟริกาเนือ และไนจีเรีย ขณะที่ สกอตแลนด์ พยายามตรวจสอบหาต้นตอของเชื้อที่ระบาดในพื้นที่ พบว่าผู้ป่วยทั้ง 9 ราย ไม่มีใครมีประวัติเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน เลยตั้งข้อสันนิษฐานว่าเชื้อโอมิครอนในสกอตแลนด์ อาจเริ่มต้นแพร่กระจายเป็นวงกว้างครั้งแรกตั้งแต่ช่วงที่มีการจัดประชุมลดโลกร้อนของสหประชาชาติ หรือ COP26 ที่สกอตแลนด์ ระหว่าง 31 ต.ค. - 12 พ.ย.