สถานการณ์ต่างประเทศ

องค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องทางการไทยไม่ส่ง 3 นักข่าว กลับเมียนมา หวั่นได้รับอันตราย โดย มิงยู ฮาห์ รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ฯ กล่าวว่า ทางการไทยจะต้องไม่บังคับส่งกลับบุคคลเหล่านี้ไปเมียนมา การกระทำเช่นนั้นย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อพวกเขา ทั้งการถูกจับกุมและการควบคุมตัวโดยพลการ การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต และทำให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ละเมิดพันธกรณีตามหลักการไม่ส่งกลับภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

     ทั้งนี้โดยที่ผ่านมามีรายงานที่น่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่องถึงการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่นๆ ระหว่างการควบคุมตัวในเมียนมา ซึ่งมีสภาพรุนแรงขึ้นภายหลังการทำรัฐประหาร โดยมีบุคคลจำนวนมากถูกควบคุมตัวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาและต้องเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีข่าวทางการไทยจับกุมชาวเมียนมา รวมทั้งผู้สื่อข่าว 3 คนจากสำนักข่าว Democratic Voice of Burma (DVB) ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา

      "ประเทศไทยเคยเป็นประเทศที่รองรับชุมชนผู้พลัดถิ่นและผู้ลี้ภัยจากเมียนมามาเป็นเวลานาน รวมทั้งผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายจากการทำงานสื่อมวลชนอย่างกล้าหาญ ผู้ที่หลบหนีจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพเมียนมา และประชาชนชาวเมียนมาที่ต้องหลบหนีอีกครั้งในวันนี้ เราหวังว่าทางการไทยจะให้ที่พักพิงแก่ผู้แสวงหาความปลอดภัยอย่างสอดคล้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ" มิงยู ฮาห์ กล่าว

      อย่างไรก็ตามตามถ้อยแถลงของ เอ ชาน หน่ายบรรณาธิการบริหารสำนักข่าว DVB ได้แถลงว่านักข่าวอาวุโสสามคนของดีวีบีและนักกิจกรรมอีกสองคนถูกตำรวจไทยจับกุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ค. ที่เชียงใหม่ (ประเทศไทย) ก่อนหน้านี้พวกเขาได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาจนถึงวันที่ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่กองทัพได้เพิกถอนใบอนุญาตของสถานีโทรทัศน์ดีวีบี แอมเนสตี้ฯ ยืนยันได้ว่าปัจจุบันทั้งห้าคนอยู่ระหว่างการควบคุมตัวของตำรวจ

     นับแต่การทำรัฐประหารเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ กองทัพเมียนมาได้เพิกถอนใบอนุญาตของสำนักข่าวหลายแห่ง และยังได้ควบคุมตัวผู้สื่อข่าวโดยพลการอีกหลายสิบคน อีกทั้งยังถูกดำเนินคดีหรือเกิดความหวาดกลัวต่อการถูกจับกุม ทำให้หลายคนเลือกที่จะหลบซ่อนตัว ทั้งนี้ แอมเนสตี้ฯ คัดค้านการส่งกลับบุคคล ซึ่งเป็นข้อห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศในทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น

      การไม่ส่งกลับบุคคลเป็นหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งห้ามส่งตัวบุคคลไปยังประเทศหรือเขตอำนาจศาลใด ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างแท้จริงว่าพวกเขาจะถูกละเมิดหรือปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง หลักการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้กับรัฐทุกแห่ง ไม่ว่าจะมีการให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม.