
“พลังงานสะอาด” ยังเป็นเทรนด์โลกอยู่ไหม?
17 กันยายน 2568 08:09 น.
กรมอุตุฯ เตือน ไทยฝนเพิ่มขึ้น กทม.ตกหนัก 80% 18 ก.ย. 68 08:09 น.
17 กันยายน 2568 08:09 น.
17 กันยายน 2568 08:09 น.
17 กันยายน 2568 09:09 น.
17 กันยายน 2568 09:09 น.
เกิดเหตุสู้รบรุนแรงที่ค่ายทหารกองทัพเมียนมาใกล้พรมแดนทางตะวันออกของเมียนมาที่ติดกับไทย โดยที่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหภาพชนชาติกะเหรี่ยง หรือกะเหรี่ยง KNU ด้านรัฐบาลทหารเมียนมาพร้อมจะพิจารณาคำแนะนำในเชิงสร้างสรรค์ของอาเซียน อย่างรอบคอบ เกี่ยวกับแนวทางในการยุติวิกฤตการณ์ทางการเมืองและความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการที่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน
หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของกะเหรี่ยง KNU เปิดเผยว่า กองกำลังกะเหรี่ยง KNU ได้ยึดและเผาทำลายค่ายทหารกองทัพเมียนมาใกล้พรมแดนทางตะวันออกของเมียนมาที่ติดกับไทย เมื่อเวลาประมาณ 05.00-06.00 น. เช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น พวกเขากำลังตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บนอกจากนี้ ยังมีการต่อสู้ขึ้นในอีกหลายจุด แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม ขณะที่สำนักข่าวศูนย์ข้อมูลกะเหรี่ยง (Karen Information Center) หรือ KIC รายงานว่าค่ายทหารของกองทัพเมียนมาถูกบุกจู่โจม และมีชาวบ้านเห็นทหาร 7 นาย วิ่งหนีออกจากค่ายดังกล่าว ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำสาละวินฝั่งไทยเผยว่าได้ยินเสียงยิงปืนดังสนั่นในช่วงเช้ามืด ทั้งยังมีคลิปวีดีโอที่เผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นภาพเพลิงไหม้และควันไฟบนเนินเขาที่เป็นป่าอีกด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการไทยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่า มีชาวไทย1 คน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสู้รบ แต่ไม่ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ กะเหรี่ยง KNU ประกาศว่าได้ยึดที่มั่นของกองทัพจากการปะทะครั้งรุนแรงนับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นอกจากนี้ เหตุสู้รบดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ผู้นำชาติอาเซียนระบุว่าได้บรรลุฉันทามติกับรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อยุติการใช้ความรุนแรง
อย่างไรก็ดี กองทัพเมียนมายังไม่ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทัพเมียนมาเคยกล่าวอ้างตนว่าเป็นเพียงสถาบันเดียวที่หลอมรวมความหลากหลายทางเชื้อชาติของประชากรกว่า53 ล้านคน ในเมียนมาได้ แม้ว่าในขณะนี้มีชาวเมียนมาจำนวนมากที่ออกมาชุมนุมต่อต้านเหตุรัฐประหารก็ตาม
ขณะเดียวกัน รัฐบาลทหารเมียนมากล่าวในแถลงการณ์ที่แผยแพร่ในวันนี้ว่า พร้อมจะพิจารณาอย่างจริงจังต่อคำแนะนำของอาเซียนในเชิงบวก หากว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศเมียนมาและอยู่บนพื้นฐานและหลักการของอาเซียน
ผู้นำและตัวแทนชาติสมาชิกอาเซียนจัดประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่กรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย โดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้นำในการก่อรัฐประหารในเมียนมาเข้าร่วมการประชุมด้วย ที่ประชุมได้บรรลุฉันทามติ5 ประการ คือ จะต้องยุติความรุนแรงในเมียนมาโดยทันที และทุกฝ่ายต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด กระบวนการเจรจาพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องเกิดขึ้นเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อประโยชน์ของประชาชน ทูตพิเศษของประธานอาเซียนจะทำหน้าที่ประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับกระบวนการพูดคุยเจรจา โดยเลขาธิการอาเซียนจะช่วยให้การสนับสนุน อาเซียนจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน และทูตพิเศษและคณะทำงานจะเดินทางไปเมียนมาเพื่อพบกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในเมียนมาจำนวนมากวิจารณ์ข้อตกลงระหว่างผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมากับอาเซียนเรื่องยุติวิกฤติในประเทศว่า ไม่ได้สะท้อนถึงความปรารถนาใดๆ ของประชาชนเรื่องการปล่อยตัวนักโทษและผู้ถูกคุมขัง การลงโทษกองทัพที่เข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย การเคารพผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน และการฟื้นฟูรัฐบาลประชาธิปไตย ผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งโพสต์ว่า ใครจะรับผิดชอบผู้บริสุทธิ์ 700 ชีวิต ที่ถูกกองทัพสังหารไป.