สถานการณ์ต่างประเทศ

เพียร์ส มอร์แกน ผู้สื่อข่าวและพิธีกรชื่อดังของอังกฤษ ลาออกจากรายการข่าวเช้า Good Morning Britain ทางช่อง ITV ซึ่งได้รับความนิยมสูงมากหลังเกิดการปะทะคารมกลางห้องส่งกับผู้รายงานข่าวสภาพอากาศ เนื่องจาก มอร์แกน นั้นวิจารณ์ว่า สิ่งที่เมแกน มาร์เคิล พระชายาของเจ้าชายแฮร์รี่ สัมภาษณ์กับ โอปราห์ วินฟรีย์ ไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียว

     โฆษกของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีระบุว่า หลังจากการหารือกับไอทีวี เพียร์ส มอร์แกนตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะยุติบทบาทในรายการกู้ด มอร์นิ่ง บริเตน และไอทีวีรับทราบการตัดสินใจของเขา โดยไม่มีข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม การลาออกของเพียร์สมีขึ้นหลังจากที่มอร์แกน วัย 55 ปี ตำหนิเจ้าชายแฮร์รี่และพระชายาว่าทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์อังกฤษ และพยายามสร้างกระแสเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่กลับปฏิเสธภาระรับผิดชอบและการตรวจสอบที่มาพร้อมกับสถานะความเป็นเจ้า ทำให้เขามีปากเสียงกับผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศที่ย้ำว่า มอร์แกนยังคงโจมตีเมแกนอย่างไม่มีเหตุผลไม่หยุด และมีอคติกับดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์มากเกินไป จนทำให้มอร์แกนเดินออกจากรายการไปดื้อๆ และกลับมานั่งในที่นั่งของตัวเองอีกครั้งใน 10 นาทีให้หลัง มอร์แกนยังถึงขั้นทวีตข้อความเย้ยหยัน เมแกน ว่าเป็นเจ้าหญิงพินอคคิโอ และเขาไม่เชื่อที่เธอพูดแม้แต่คำเดียว

     มีรายงานว่า ออฟคอม องค์การกำกับดูแลสื่อของอังกฤษระบุว่า กำลังสอบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการแสดงความเห็นของมอร์แกนมากกว่า 41,000 ข้อร้องเรียน ขณะที่มีข่าวว่ามอร์แกน ถูกขอให้ออกมาขอโทษกับสิ่งที่พูด ซึ่งโดนนักเคลื่อนไหวด้านสุขภาพจิตรุมถล่มอย่างหนัก แต่เจ้าตัวซึ่งมีผู้ติดตามทางทวิตเตอร์7.7 ล้านคน ยังยืนกรานปฏิเสธและพยายามปกป้องจุดยืนของตัวเอง โดยระบุว่า เขาเพียงไม่แน่ใจว่า สิ่งต่างๆ มากมายที่เมแกนออกมาพูดนั้น มีความสัตย์จริงมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่าประเด็นความป่วยไข้ทางจิตและการคิดฆ่าตัวตายเป็นเรื่องใหญ่ และหากใครก็ตามรู้สึกเช่นนี้ ควรจะไปพบแพทย์หรือขอความช่วยเหลือที่จำเป็น

     ทั้งนี้ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ซึ่งให้สัมภาษณ์แบบหมดเปลือกครั้งแรกกับรายการพิเศษของ โอปราห์ วินฟรีย์ ซึ่งออกอากาศเมื่อคืนวันอาทิตย์ กล่าวหาว่าราชวงศ์อังกฤษมีส่วนผลักดันให้เธอเครียดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย และอ้างว่า มีบางคนในราชวงศ์เคยตั้งคำถามว่า “อาร์ชี” บุตรชายของเธอกับเจ้าชายแฮร์รี่จะเกิดมามีผิวสีคล้ำหรือไม่ ซึ่งคำกล่าวอ้างทั้งหมดนี้ได้จุดประเด็นคำถามเกี่ยวกับอนาคตของสถาบันกษัตริย์