สถานการณ์ต่างประเทศ

วันที่ 22 มกราคม 2564 เว็บไซต์ นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ เสนอข่าว Dr Fauci warns South African 'super-covid' is the variant to worry about because it may make vaccines less effective and says it is not in the US yet - but admits efforts to find it have been lacking อ้างความเห็นของ แอนโธนี เฟาซี (Anthony Fauci) นักระบาดวิทยาที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดที่พบในแอฟริกาใต้ เป็นสิ่งที่ตนและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกกังวลมากที่สุด ว่าอาจลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีน

    อย่างไรก็ตาม เฟาซี ยืนยันว่ายังไม่พบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายแอฟริกาใต้ในสหรัฐฯ ขณะที่ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายสหราชอาณาจักร พบแล้วใน 20 รัฐของสหรัฐฯ ซึ่งไวรัสกลายพันธุ์ทั้ง 2 สาย ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์สายบราซิล โดยไวรัสกลายพันธุ์สายแอฟริกาใต้กับสายบราซิล พบสัญญาณบ่งชี้การลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีน แต่ยังไม่พบสัญญาณอย่างเดียวกันกับไววัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายสหราชอาณาจักร

     ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายแอฟริกาใต้กับสายบราซิล พบการกลายพันธุ์ที่อาจป้องกันแอนติบอดีที่วัคซีนกระตุ้นจากการเกาะติดและป้องกันไม่ให้ไวรัสติดเชื้อในเซลล์ของมนุษย์ โดย เฟาซี เปิดเผยว่า จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ พบผลกระทบดังกล่าวต่อโมโนโคลนอล แอนติบอดี จึงมีคำถามว่า แล้วผลกระทบต่อวัคซีนคืออะไร แม้จะเป็นข้อค้นพบที่ยังไม่ถูกตีพิมพ์ แต่ก็ต้องให้ความสนใจ ถึงกระนั้น ตนไม่ได้หมายความว่าวัคซีนไม่มีประโยชน์ แต่ประสิทธิภาพอาจไม่ถึงร้อยละ 94-95 ตามที่วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาทำได้กับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดิม

     รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในขณะที่ เฟาซี ในฐานะที่ปรึกษาของ โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐฯ ได้กล่าวเตือนชาวอเมริกันเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2564 ไวรัสก็กำลังพัฒนาและกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่ไม่มีความหมายอะไร มีเพียงเล็กร้อยที่กลายเป็นตัวแปรน่ากังวล อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก พบการเปลี่ยนแปลงและโอกาสของไวรัสโควิด-19 ที่มีจุดเด่นในการยึดครอง โดยเมื่อ 1 เดือนก่อน ความกังวลหลากหลายรูปแบบเกิดขึ้นทั่วโลก     สำหรับสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกที่เตือนเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ ที่มีชื่อเรียกว่า B117 กรณีพบอัตราการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 หากเทียบกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม และแม้จะยังไม่พบว่าการกลายพันธุ์นี้ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นหรือสุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น แต่ เฟาซี ก็เตือนว่า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่นำไปสู่การเสียชีวิตเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลย่อมมากขึ้น และการที่มีผู้ป่วยในโรงพยาบาลจำนวนมากก็ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น