สถานการณ์ต่างประเทศ

ไวรัสโควิด-19 ยังระบาดหนัก ทั่วโลกติดเชื้อทะลุ 90 ล้านรายแล้ว ตายกว่า 1.9 ล้านศพ ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วยเพิ่มเป็น2เท่า เตรียมคุมเข้มก่อนตรุษจีน ด้านเวียดนาม จำกัดเที่ยวบินเข้าประเทศถึงกลางเดือน ก.พ.นี้ ขณะที่นายกฯอิสราเอล ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ส่วนจอร์แดน ได้รับวัคซีนลอตแรกแล้ว

     เมื่อวันที่ 10มกราคมสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลก ทำสถิติใหม่ทะลุ 90,011,359ราย หลังจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 679,453ราย ในรอบวันที่ผ่านมา โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 5 อันดับแรกยังคงนำโดยสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 218,997ราย ตามด้วยบราซิล 60,078ราย อังกฤษ 59,937ราย รัสเซีย 23,309ราย และแอฟริกาใต้ 21,606ราย

     สำหรับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 5 อันดับแรกคือสหรัฐฯ22,669,416ราย อินเดีย 10,451,339ราย บราซิล 8,075,998ราย รัสเซีย 3,379,103 ราย และอังกฤษ 3,017,409ราย ด้านผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 1,933,044 รายโดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 11,884 รายใน 1 วันที่ผ่านมา และมี 4 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นหลักพันนำโดยสหรัฐฯ อยู่ที่ 2,891ราย บราซิล 1,115ราย เม็กซิโก 1,038ราย และอังกฤษ 1,035ราย ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมหลักแสนมี 4 ประเทศนำโดยสหรัฐฯ381,138ราย บราซิล 202,657ราย อินเดีย 151,048ราย และเม็กซิโก132,069 ราย ขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้วอยู่ที่ 64,424,409ราย

     ส่วนที่ประเทศจีน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลงว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 69 ราย เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากวันที่ 8 มกราคม ที่พบอยู่ 33 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ เดินทางมาจากต่างประเทศ 21 ราย และเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 48 ราย ในจำนวนนี้ 46ราย อยู่ในมณฑลเหอเป่ย์ ทางเหนือของประเทศ ซึ่งติดกับกรุงปักกิ่งที่ถูกประกาศให้เป็นเขตสงครามเพราะพบการระบาดใหม่แบบเป็นกลุ่มก้อน

     นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ 27ราย ลดลงจาก 38ราย แต่จีนไม่รวมผู้ป่วยเหล่านี้ไว้ในตัวเลขผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมในจีนนับตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงขณะนี้อยู่ที่ 87,433ราย เสียชีวิต 4,634ราย

     ขณะเดียวกันทางการจีนจะเข้มงวดการเดินทางช่วงรอยต่อฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะเริ่มในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด ขอให้งดการเดินทางกลับบ้านเกิด ส่งเสริมให้คนจับจ่ายออนไลน์แทนการไปตลาด จัดตารางวันหยุดฤดูหนาวและการเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิอย่างรอบคอบ ขยายการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้มากขึ้นและถี่ขึ้น เข้มงวดการตรวจตราคนลอบเข้าประเทศ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล จำกัดการรวมกลุ่มงานเลี้ยงและสถานที่ท่องเที่ยว

     ขณะที่ นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุก แห่งประเทศเวียดนาม แถลงว่า จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ปรับปรุงสายพันธุ์ต่างไปจากเดิมกำลังแพร่ระบาดทั่วโลก และเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเป็นวันหยุดสำคัญที่สุดของชาวเวียดนาม กำลังจะมาถึง ทางการจะให้เที่ยวบินเข้าประเทศได้เฉพาะเที่ยวบินที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และกระทรวงคมนาคมเท่านั้น นับตั้งแต่วันเดียวกนนี้จนสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ที่ตรงกับวันที่10-16 กุมภาพันธ์นี้ จากนั้นกระทรวงคมนาคมจะศึกษาความเป็นไปได้เรื่องการเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง

    ทั้งนี้ เวียดนามระงับเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศขาเข้าทั้งหมดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมอนุญาตให้เข้าเฉพาะเที่ยวบินรับชาวเวียดนามตกค้างในต่างประเทศกลับประเทศ และเที่ยวบินพิเศษสำหรับผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนต่างชาติ ทุกคนจะต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน แต่เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ได้ระงับเที่ยวบินขาเข้าจากประเทศที่พบเชื้อไวรัสปรับปรุงสายพันธุ์ต่างไปจากเดิม ได้แก่ อังกฤษและแอฟริกาใต้ เวียดนามใช้มาตรการกักโรคและติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด จนไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมานาน 38 วันแล้ว ยอดผู้ป่วยสะสมมีเพียง 1,513 ราย เสียชีวิต 35 ราย

     ที่ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามินเนทันยาฮูแห่งอิสราเอล ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของบริษํทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค เป็นเข็มที่ 2 ที่ศูนย์การแพทย์ชีบา เขตรามัตกันชานกรุงเทลอาวีฟ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา โดยสถานพยาบาลแห่งนี้เป็นแห่งเดียวกับที่ผู้นำอิสราเอลเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรก เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

     อย่างไรก็ดี นายเนทันยาฮูยืนยันว่ารัฐบาลอิสราเอล ได้สั่งจองวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค เพียงพอสำหรับประชากรทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 8.6 ล้านราย โดยรัฐบาลคาดหวังให้ชาวอิสราเอลซึ่งมีอายุตั้งแต่ 16 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น

     สำหรับสถิติเบื้องต้นซึ่งรวบรวมโดยกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลระบุว่า มากกว่า 70% ของชาวอิสราเอลซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปี ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว และนับตั้งแต่เริ่มแคมเปญ ประชาชนมากกว่า 1.7 ล้านราย ได้เข้ารับการแจกจ่ายวัคซีนเข็มแรกแล้ว

     ด้านประเทศจอร์แดน มีรายงานข่าวว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19ลอตแรก ได้ถูกส่งถึงจอร์แดนแล้ว โดยเป็นวัคซีนของบริษัทซีโนฟาร์มของประเทศจีน แต่ข่าวไม่ได้ระบุจำนวนวัคซีนแน่ชัด ก่อนหน้านี้ทางการจอร์แดนแถลงข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จำนวน 1 ล้านโดส จากบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และอีก 2 ล้านโดส จากโครงการแบ่งปันวัคซีนโคแว็กซ์ ที่สนับสนุนโดยองค์การอนามัยโลก ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขจอร์แดน เผยว่าทางการจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนในวันที่ 13 มกราคมนี้