สถานการณ์ต่างประเทศ

“มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” สั่งบล็อกแอคเคาท์เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม “โดนัลด์ ทรัมป์” โดยไม่มีกำหนด

     ซีอีโอเฟซบุ๊ก ออกแถลงการณ์ ความว่า “เหตุการณ์น่าตกใจที่เกิดขึ้นเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ตั้งใจจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในตำแหน่ง เพื่อขัดขวางทำลายการถ่ายโอนอำนาจตามกฎหมายและเป็นไปโดยสันติ จะเป็นความเสี่ยงที่สูงเกินไป หากยังอนุญาตหรือปล่อยให้ประธานาธิบดีใช้บริการ (สื่อโซเชียล) ของเราต่อไปในช่วงเวลานี้ เราจึงเห็นสมควรขยายเวลาการบล็อกแอคเคาท์ (หรือบัญชีผู้ใช้) เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของประธานาธิบดีออกไปโดยไม่มีกำหนด”

     ลงชื่อ…มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊ก

    อย่างไรก็ตามล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กลับมาใช้งานทวิตเตอร์อีกครั้ง ด้วยการโพสต์วิดีโอคลิปที่เขากล่าวยอมรับว่านายโจ ไบเดน จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไป ในขณะที่สื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ รวมถึงเฟซบุ๊กยังคงปิดกั้นการใช้งานของเขา เนื่องจากเกรงว่าข้อความของเขาจะทำให้เกิดการประท้วงรุนแรงอีก

     ทวิตเตอร์ยกเลิกการบล็อกบัญชีผู้ใช้ของนายทรัมป์ที่ใช้ชื่อ “@realDonaldTrump” ซึ่งมีผู้ติดตามราว 88 ล้านคน หลังจากที่เขายอมลบทวีต 3 ข้อความที่ผิดกฎของทวิตเตอร์ ทวีตแรกหลังจากที่นายทรัมป์กลับมาใช้งานทวิตเตอร์ เขาโพสต์คลิปวิดีโอ ที่เขากล่าวว่า เขาจะมุ่งให้ความสนใจเกี่ยวกับการถ่ายโอนอำนาจการบิรหารประเทศอย่างสันติ วิดีโอนี้มีผู้เข้าชม 1.4 ล้านครั้ง ภายในเวลา 15 นาที หลังจากเผยแพร่ออกไป บรรดาบริษัทเทคโนโลยี พยายามเข้าควบคุมจัดการกับคำกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐานของนายทรัมป์เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน หลังจากที่ผู้สนับสนุนนายทรัมป์หลายร้อยคนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาก่อความไม่สงบจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย

     ส่วนบัญชีผู้ใช้งานของทรัมป์ในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ยังคงถูกบล็อกต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรืออาจจะตลอดไป โดยนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ ของเฟซบุ๊ก กล่าววานนี้ว่า มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ ถ้าหากยังปล่อยให้นายทรัมป์สามารถใช้เฟซบุ๊กต่อไป การดำเนินการของเฟซบุ๊กถือว่าเป็นการลงโทษขั้นรุนแรงที่สุดที่บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ใช้กับประธานาธิบดี นายซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า การบล็อกนายทรัมป์ในเฟซบุ๊ก ที่เขามีผู้ติดตาม 35 ล้านคน จะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนกว่านายไบเดนจะเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคมเรียบร้อยแล้ว