สถานการณ์ต่างประเทศ

วุฒิสภาสหรัฐยังคงไม่สามารถลงมติเพื่อผ่านร่างกฎหมายใหม่เพื่อพยุงเศรษฐกิจด้วยงบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ (62 ล้านล้านบาท) ที่จะนำส่งแก่กับพลเมืองชาวอเมริกันและธุรกิจจำนวนมากมายที่ได้รับความเสียหายจากภาวะการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่

การพิจารณางบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ดำเนินต่อเนื่องมาจากเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งสมาชิกสภาสูงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตมีความเห็นขัดแย้งเกี่ยวกับเนื้อหาบางส่วนของร่างกฎหมายนี้ ที่ให้น้ำหนักแก่ภาคธุรกิจมากกว่ากลุ่มคนงาน โรงพยาบาล และผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุขขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันกล่าวหาพรรคเดโมแครตว่า พยายามขัดขวางการให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันในสถานการณ์วิกฤติในปัจจุบัน

    ก่อนการลงมติในวันจันทร์ นายมิทช์แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากริพับลิกัน กล่าวว่า ข้อโต้แย้งต่างๆ ต้องยุติ และวุฒิสภาสหรัฐจะต้องผ่านร่างกฎหมายใหม่นี้ให้ได้ ขณะที่สว.ชัค ชูเมอร์จากพรรคเดโมแครต แสดงความหวังว่า สมาชิกจากทั้งสองพรรคจะสามารถหาข้อสรุปได้และผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในวันจันทร์เช่นกันขณะที่ก่อนหน้านี้นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของพรรคเดโมแครตว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ แต่ไม่สนใจบรรดาคนงานหาเช้ากินค่ำ

     ภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ รัฐบาลจะมอบเงินช่วยเหลือ 3,000 ดอลลาร์ แก่ครอบครัวชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่มีสมาชิกอย่างน้อย 4 คน พร้อมกันงบ 500,000 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ภาคธุรกิจ รัฐบาลเมืองและรัฐต่างๆ กู้ยืม รวมทั้งงบ 350,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กจ่ายเงินค่าจ้างและเงินเดือนในช่วงที่ธุรกิจหยุดชะงัก มาตรการนี้ แต่เดิมนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ของบประมาณเพียงแค่ 2,000 ล้านดอลลาร์และจะใช้งบประมาณเก่าสำหรับโรคอีโบลามาเสริม แต่พรรคเดโมแครตได้ต่อสู้และเพิ่มเงินอีกราว 3,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการพัฒนาวัคซีนโคโรนาไวรัส และอีก 1,000 ล้านดอลลาร์สำหรับความช่วยเหลือระหว่างประเทศ

     ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อการตรวจหาเชื้อโควิด- 19 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ การให้สวัสดิการแก่คนงานที่อาจถูกปลด รวมทั้งการกำหนดให้นายจ้างยังต้องจ่ายเงินเดือนแก่คนงานที่ลาป่วยด้วย เพราะขณะนี้ราว 25% ของคนทำงานในสหรัฐไม่มีสิทธิได้เงินเดือนจากการลาป่วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ยังมีช่องโหว่อยู่ เพราะไม่ได้ครอบคลุมถึงธุรกิจที่มีคนงานน้อยกว่า 50 คน หรือมากกว่า 500 คน รวมทั้งยังจำกัดจำนวนเงินที่คนงานสามารถได้รับหากต้องลาป่วยเป็นเวลานาน

     อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญซึ่งยังเป็นที่โต้แย้งกันอยู่ก็คือ พรรคเดโมแครตเห็นว่ามาตรการช่วยเหลือดังกล่าวยังช่วยดูแลชนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโคโรนาไวรัสไม่มากพอ และไม่ต้องการให้พรรครีพับลิกันใช้งบประมาณนี้ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น สายการบิน