
“พลังงานสะอาด” ยังเป็นเทรนด์โลกอยู่ไหม?
17 กันยายน 2568 08:09 น.
กรมอุตุฯ เตือน ไทยฝนเพิ่มขึ้น กทม.ตกหนัก 80% 18 ก.ย. 68 08:09 น.
17 กันยายน 2568 08:09 น.
17 กันยายน 2568 08:09 น.
17 กันยายน 2568 09:09 น.
17 กันยายน 2568 09:09 น.
รัฐบาลแกมเบียเผยว่า ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก จะมีคำชี้ขาดในวันนี้ว่า จะต้องออกมาตรการฉุกเฉินกับเมียนมาเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจาหรือไม่
โฆษกกระทรวงยุติธรรมแกมเบีย ประเทศในแอฟริกาตะวันตกแถลงว่า ศาลโลกที่เฮกของเนเธอร์แลนด์ จะมีคำชี้ขาดในวันที่ 23 ม.ค. ว่า จะต้องออกมาตรการฉุกเฉินกับเมียนมาเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจาหรือไม่ หลังจากยื่นฟ้องเมียนมาต่อศาลโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี แคนาดาและเนเธอร์แลนด์ แกมเบียกล่าวหาเมียนมาระหว่างให้การต่อศาลโลกเมื่อเดือนก่อนว่า ละเมิดอนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สหประชาชาติปี 2491 และอ้างว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ จึงขอให้ศาลโลกมีมาตรการฉุกเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้เมียนมาทำความโหดร้ายใดๆ อีกหรือทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า ยังไม่ชัดเจนว่ามาตรการฉุกเฉินหมายถึงอะไร แต่การบังคับใช้จริงน่าจะเป็นเรื่องยาก และหากศาลโลกตัดสินตามคำร้องของแกมเบียก็จะเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกของกระบวนการที่คงจะกินเวลานานหลายปี ที่ผ่านมาศาลโลกเคยตัดสินว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพียงครั้งเดียวคือ เหตุสังหารหมู่ที่เมืองสซเรเบนิซา ในบอสเนีย ปี 2538
มีการคาดการณ์ว่า ยังคงมีชาวโรฮีนจาอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมาราว 600,000 คน นางออง ซาน ซู จี มนตรีแห่งรัฐและผู้นำโดยพฤตินัยของเมียนมาวัย 74 ปียอมรับระหว่างให้การแก้ต่างที่ศาลโลกว่ากองทัพอาจใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับชาวโรฮีนจา แต่การฟ้องครั้งนี้อ้างอิงคำกล่าวอ้างที่ทำให้เข้าใจผิดและไม่สมบูรณ์ จึงขอให้ศาลโลกไม่รับพิจารณา และว่าการฟ้องครั้งนี้อาจจุดชนวนวิกฤติชาวโรฮีนจาขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการไต่สวนอิสระซึ่งประกอบด้วย ชาวเมียนมา2 คน นางโรซาริโอ มานาโล นักการทูตฟิลิปปินส์ และนายเคนโซ โอชิมะ อดีตเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำสหประชาชาติ เพิ่งจะเผยแพร่ผลการไต่สวนที่สรุปว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเมียนมาบางส่วนก่ออาชญากรรมสงครามกับชาวมุสลิมโรฮีนจา ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง แต่อาชญากรรมเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพราะไม่มีหลักฐานมีน้ำหนักมากพอจะโต้แย้งว่า อาชญากรรมที่เกิดขึ้นทำไปโดยมีเจตนาจะทำลายกลุ่มทางเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ หรือศาสนา บางส่วนหรือทั้งหมด.