สถานการณ์ในประเทศ

“สมคิด” มอบนโยบายเร่งรัดลงทุนอีอีซี คาดครึ่งปีแรกมีเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 650,000 ล้านบาท มุ่งใช้ทฤษฎีฝูงนกดึงจ่าฝูงบินเข้ามาเป็นแบบอย่าง

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เชิญนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาหารือ เพื่อเร่งรัดการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้คืบหน้าปี 2563 สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาเชิงลบภายนอกประเทศจะทำให้นักลงทุนไหลเข้ามายังไทย จึงต้องการเร่งรัด 4 โครงการหลัก ทั้งท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง มาบตาพุด อาคารผู้โดยสารสนามบินอู่ตะเภา และศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ต้องชัดเจนภายในครึ่งปีแรก เพราะขณะนี้แอร์บัสและรายอื่นสนใจเข้ามาร่วม จึงต้องการให้การบินไทยเร่งรัดข้อสรุป ไม่เช่นนั้นจะเปิดให้รายอื่นเข้ามาร่วมแทน เพราะรัฐบาลต้องการเร่งรัดโครงการขนาดใหญ่

    นายสมคิด กล่าวว่า เมื่ออีอีซีปีนี้คืบหน้าต้องเริ่มวางเสาเข็ม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและตามด้วยการสร้างถนน สาธารณูปโภค เพื่อเตรียมพร้อมมุ่งเน้นใช้ “ทฤษฎีฝูงนก” เพราะหากจ่าฝูงบินเข้ามาตัวแรก จากนั้นตัวอื่น ๆ จะเข้าตามมาจำนวนมาก เขตอีอีซี กนอ. EECi ต้องเร่งรัด เพื่อให้นักลงทุนตัดสินใจเข้ามา เพราะต่างชาติทั้งฮ่องกง จีน ไต้หวัน ต้องการเข้ามาจำนวนมาก EECi ต้องคืบหน้า เมื่อนักลงทุนใหม่เข้ามา เพราะขณะนี้บริษัทในเครืออาลีบาบา 400 ราย พร้อมเข้ามาขยยายการลงทุนจำนวนมาก

     นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกกล่าวว่า ไม่เกินช่วงครึ่งปีแรกจะมีเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 650,000 ล้านบาท หลังจากศาลปกครองพิจารณาให้เดินหน้าเปิดประมูลพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังได้ คาดว่าไตรมาส 1 จะสรุปแนวทางและเปิดประมูลจากภาคเอกชน ประชากรในอีอีซี 3.4 ล้านคน วัยเรียน 1.2 ล้านคน ต้องพัฒนาให้เป็นคนรุ่นใหม่ 340,000 ราย ร่วมกับสถาบันการศึกษาพัฒนาบุคลากร โดยขอบัณฑิตอาสาเพื่อร่วมสร้างบุคคลากรรองรับผู้ประกอบการ สิทธิประโยชน์มีทั้งบีโอไอและของอีอีซี สำหรับการสร้างเมืองใหญ่ให้เร่งวางแนวคิด เพื่อสร้างแหล่งอยู่ศัย ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเร่งรัดวางแผน โดยมีนายคณิศ เป็นประธาน เบี้องต้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่ต้องทำ EIA สร้างชุมชนในเมืองใหม่

    นายสมคิด กล่าวว่า แผนที่ต้องทำต่อไป เช่น โครงการตลาดไทยเด็ด ขายสินค้าชุมชน ของ ปตท. ไม่ใช่เรื่อง CSR แต่กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักธุรกิจไปแล้ว โดยต้องส่งเสริมการท่องเที่ยว พัฒนานโยบายเมืองรอง ต้องโฟกัสเชื่อมโยงภาคท่องเที่ยว มอบหมายให้คลังดูแลความยากจน กระทรวงอุตสาหรกรรม นำภาคเกษตรแปรรูปมาร่วม เพื่อร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ขอให้ทุกหน่วยงานสื่อสารกับชาวบ้าน ชุมชนในพื้นที่มีความเข้าใจ เพื่อให้มีส่วนร่วม สำหรับการเสนอ ครม.พรุ่งนี้ มีทั้งการดูแลกองทุนหมู่บ้าน การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนับแสนราย ผ่านการจัดหาแหล่งทุน การผลักดันโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมพัฒนาพลังงานไฟฟ้า จึงเตรียมไปมอบนโยบายที่กระทรวงคลัง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อผลักดันสมาร์ทฟาร์มเมอร์.ฃ