สถานการณ์ต่างประเทศ

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ผ่านญัตติเห็นชอบให้ดำเนินการขอถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 เสียง จากข้อกล่าวหาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและขัดขวางการทำงานของรัฐสภา

    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเช้าวานนี้ตามเวลาในบ้านเรา อนุมัติญัตติ 2 ข้อหา อย่างเป็นทางการ เพื่อการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกจากตำแหน่ง ส่งผลให้ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์กว่า 240 ปี ของสหรัฐ ที่ถูกสภาผู้แทนตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ลงมติอนุมัติข้อหาที่หนึ่ง คือ ใช้อำนาจในทางมิชอบ ด้วยคะแนน 230 ต่อ 197 และข้อหาที่สอง ขัดขวางกระบวนการตรวจสอบของรัฐสภา ด้วยคะแนน 229 ต่อ 198 จากกรณีที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่า กดดันให้ยูเครนเปิดการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ พรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นศัตรูทางการเมืองของทรัมป์ โดยการลงมติอนุมัติข้อหาแรก ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าข้อหาที่สอง เท่ากับทรัมป์กำลังถูกดำเนินการถอดถอนออกตำแหน่งแล้ว เช่นเดียวกับ 2 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ คือ แอนดรู จอห์นสัน และ บิลล์คลินตัน ซึ่งจะมีขั้นตอนต่อไปคือ วุฒิสภาสหรัฐจะเปิดการพิจารณาเพื่อตัดสินว่าจะถอดถอนทรัมป์ออกจากประธานาธิบดีหรือไม่

    อย่างไรก็ตาม นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนสหรัฐ จากเดโมแครต กล่าวหลังการลงมติว่า เธออาจจะเลื่อนการส่งเรื่องการถอดถอนทรัมป์ ต่อไปยังวุฒิสภา เนื่องจากสถานการณ์ในวุฒิสภา ยังไม่ค่อยเป็นธรรมต่อเดโมแครต และต้องการรอดูว่าวุฒิสมาชิกรีพับลิกัน จะมีท่าทีอย่างไร ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ

    ในขณะที่สภาผู้แทนกำลังลงมติเพื่อถอดถอนเขานั้น ทรัมป์กำลังปราศรัยหาเสียงที่เมืองแบทเทิล ครีค รัฐมิชิแกน และเขาได้ทวีตข้อความถามว่า “เชื่อไหมว่าเขาจะถูกถอดถอนโดยพวกหัวรุนแรงฝ่ายซ้าย ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด” พร้อมโจมตีพรรคเดโมแครตว่าอิจฉา เกลียดชังและโกรธแค้น ที่เขาสามารถสร้างงานให้แก่ประชาชน และเขาไม่รู้สึกเลยว่า กำลังจะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง เพราะประเทศชาติของเรา อยู่ในสภาพที่ดีมากกว่าที่ผ่านมา ขณะที่ประชาชนได้ชุมนุมกันที่หน้าอาคารรัฐสภาเรียกร้องให้ถอดถอนทรัมป์ สื่อมวลชนรายงานว่าจะมีการชุมนุมในลักษณะเดียวกันในอีกหลายที่ทั่วประเทศ ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ว่าชาวอเมริกันที่เห็นด้วยกับการถอดถอนมีอยู่ร้อยละ 47 และคัดค้านร้อยละ 48

    โดยหลังจากนี้ จะเป็นการเข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนของวุฒิสภา โดยการพิจารณาจะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งจะต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ของวุฒิสภา ซึ่งมีสมาชิก 100 คน ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก จึงคาดกันว่าวุฒิสภาน่าจะช่วยให้ทรัมป์พ้นผิดได้ และในประวัติศาสตร์ 243 ปี ของสหรัฐ ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใด ที่ถูกวุฒิสภาสหรัฐลงมติถอดถอนจากตำแหน่งเลย