สถานการณ์ในประเทศ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี กทม. ศาลเบิกตัว นายสมเกียรติ ขันทอง หรืออดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ อายุ 53 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค และอดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฟอกเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัด จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง มีคำสั่งเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขังครั้งแรก โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยอ้างว่า ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับสำนวนมูลฐานความผิดคดีทุจริตเงินทอนวัดอีก 12 คดี จึงเกรงว่าจะหลบหนี และจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งความผิดฐานฟอกเงินมีอัตราโทษสูง ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมีมาก ถ้าให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงให้ยกคำร้องของผู้ต้องหา ทำให้ นายสมเกียรติ ขันทอง ต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำไปตามระยะการฝากขัง ซึ่งการฝากขังคดีฟอกเงินนี้ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สามารถยื่นฝากขังได้ถึง 7 ผัด ๆ ละ 12 วัน รวมเวลา 84 วัน ระหว่างนี้ ผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ใหม่ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯกลาง โดยคดีนี้พนักงานสอบสวน ปปป. ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก 12 วัน วันที่ 1 - 12 ธ.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม และตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา