สถานการณ์ในประเทศ

นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด วันนี้ ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์ ลดลงอย่างต่อเนื่อง เช้านี้ วัดได้ 2,620 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำลดลงจากเมื่อวาน 9 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.83 เมตร ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาระดับน้ำลดลง 6 เซนติเมตร ปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยายังคงลดลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึง ปัจจุบันได้ปรับลดลงอีก 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนไปจนถึงบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง นอกคันกั้นน้ำบริเวณ คลองโผงเผง คลองบางบาล แม่น้ำน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะลดลงตามไปด้วย ส่วนบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับลดการรับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานฝั่งตะวันออก โดยคลองชัยนาท-ป่าสัก ปรับลดลงจากวันละ 150 เหลือ 140 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และ คลองชัยนาท-อนุธยา ปรับลดลงจาก 39 เหลือ 34 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที การรับน้ำเข้า ระบบชลประทานทั้งสองฝั่งยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับการนำน้ำออกจากทุ่งพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเริ่มจากทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก เป็นทุ่งแรกนั้น ปัจจุบันทุ่งบางระกำมีปริมาณน้ำคงค้างในทุ่งเหลือ 456 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำที่ ระบายออกจากทุ่งสะสม ตั้งแต่วันที่ 1-4 พฤศจิกายน รวมประมาณ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร ระดับน้ำในทุ่งลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าประมาณกลางเดือนธันวาคมนี้ จะคงเหลือปริมาณ น้ำในทุ่งให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อให้เกษตรกรเตรียมแปลงเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งต่อไป ส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งหมด 59,627 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 84 ของปริมาณน้ำรวมกันทั้งหมด โดยเป็นปริมาณน้ำที่ ใช้การได้ประมาณ 36,100 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,955 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 84 ของปริมาณน้ำทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 14,259 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอที่จะสนับสนุน กิจกรรมการใช้น้ำในเขตพื้นที่ชลประทานโดยไม่ขาดแคลน