สถานการณ์ในประเทศ

นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำใน จ.นครพนม ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำต่อจาก จ.สกลนคร ที่มีปริมาณมวลน้ำอยู่ประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะไหลมาจากหนองหาร ที่สามารถรับน้ำได้ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร และจำเป็นต้องระบายออกมาที่นครพนม 200 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยระบายได้วันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ จ.นครพนม สามารถระบายลงสู่น้ำโขงได้ วันละ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้วยติดขัดเรื่องของประตูน้ำ ซึ่งมีอยู่หลากหลายประตู ขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ทำให้น้ำไหลได้ช้า และเกิดการไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ราษฎร ซึ่งจาก 12 อำเภอของ จ.นครพนม ขณะนี้ถึงมี 11 อำเภอ ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ซึ่งทางจังหวัดกำลังเร่งสำรวจและเตรียมจะออกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า น้ำที่ระบายไหลมาทางลำน้ำก่ำ ส่งผลกระทบกับ อ.วังยาง และ อ.นาแก มากที่สุด ส่วนด้านลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม ที่ไหลมาลงแม่น้ำโขงที่ อ.ท่าอุเทน ก็ได้รับน้ำกระจายเป็นวงกว้างเช่นเดียวกัน ขณะที่แผนการบริหารจัดการมวลน้ำจากจังหวัดสกลนครนั้น จำเป็นต้องใช้เส้นทางของลำน้ำก่ำ และคงใช้เวลานานอย่างน้อย 20 วัน ซึ่งจะทำให้ราษฎรเดือดร้อน เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ การเร่งน้ำในลำน้ำก่ำให้ลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด โดยกรมชลประทานได้นำเครื่องผลักดันน้ำ จำนวนกว่า 30 เครื่อง เข้ามาติดตั้งในพื้นที่ตามจุดต่างๆ แล้ว โดยเฉพาะบริเวณประตู ธรณิศนฤมิตที่เป็นด่านสุดท้ายที่น้ำจะออกสู่ลำน้ำโขง ได้ติดตั้ง 4 เครื่อง ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องได้ ในคืนนี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันน้ำได้เพิ่มเติมขึ้น นอกจากนั้น กรมชลประทานสั่งการให้นำ เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เข้ามาอีก 4 เครื่อง ซึ่งได้รับการสนับสนุนไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำรถไฟฟ้าเคลื่อนที่ขนาด 500 เมกะวัตต์ มาจำนวน 2 เครื่อง คาดว่าหลังจากวันนี้ เครื่องผลักดันน้ำ 4 ตัวที่ทำงานแล้ว และภายในอีก 2 วัน ที่เครื่องสูบน้ำ ที่จะสูบข้ามจากทั้งฝั่งซ้ายและขวาของลำน้ำก่ำเพื่อลงสู่แม่น้ำโขงเริ่มได้ ก็จะทำให้ปริมาณน้ำที่จะระบายลงแม่น้ำโขงได้ถึงวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าน้ำที่ไหลออกจากหนองหาร จ.สกลนคร ก็มั่นใจว่าถ้าทำได้อย่างนี้ และระดับน้ำโขงไม่สูงขึ้น ก็จะแก้ไขปัญหาได้ภายใน 1 สัปดาห์