หาดใหญ่ เช้านี้วิกฤตหนัก มวลน้ำก้อนใหญ่ทะลักระลอกสอง
24 พฤศจิกายน 2568 09:11 น.
ราคาทองวันนี้ (24 พ.ย. 68) ปรับลง 150 บาท รูปพรรณบาทละ 63,100 บาท 24 พ.ย. 68 09:11 น.
24 พฤศจิกายน 2568 09:11 น.
21 พฤศจิกายน 2568 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
นายปราโมทย์ พันธ์สะอาด รองประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจคะแนนนิยมของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จำนวน 1,111 คน ระหว่างวันที่ 20 - 29 ก.ค. ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 78.4 ระบุ ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกแล้ว เพราะ สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ต้องการคนที่มีความเป็นผู้นำ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงชาติบ้านเมือง ไม่เป็นตัวการก่อความขัดแย้งในหมู่ประชาชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ บริหารจัดการความขัดแย้งของคนในชาติได้ดี เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ไม่ทำงานเพื่อฐานเสียงเฉพาะพื้นที่ ขณะที่ ร้อยละ 9.0 ระบุว่า มีผู้อื่นเหมาะสมกว่า เพราะ ยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีและนักการเมืองหลายคนที่มีความรู้ความสามารถ แก้ปัญหาปากท้องได้ดี มีนโยบายประชานิยม เข้าถึงประชาชนได้ดี และ ร้อยละ 12.6 ไม่ออกความเห็น นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า เมื่อจำแนกตามเพศของผู้ตอบแบบสำรวจ พบว่า ทั้งชายและหญิงมีความเห็นไม่แตกต่างกัน คือ ผู้ชายร้อยละ 78.8 และ ผู้หญิงร้อยละ 77.9 ระบุ ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เมื่อจำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มเยาวชนที่ระบุว่า ไม่มีใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีสัดส่วนน้อยกว่ากลุ่มผู้ใหญ่ คือร้อยละ 73.5 ต่อ ร้อยละ 79.6 ขณะที่ กลุ่มเยาวชนที่ระบุมีคนอื่นเหมาะสมมากกว่า อยู่ที่ร้อยละ 12.6 ต่อกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 8.1 นอกจากนี้กลุ่มนักศึกษา และกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐมีสัดส่วนผู้ที่ระบุว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้อยที่สุด คือร้อยละ 77.2 และร้อยละ 77.5 ในขณะที่ กลุ่มคนรับจ้างทั่วไป เกษตรกร และเกษียณอายุ เป็นกลุ่มคนที่มีสัดส่วนสูงสุดที่ระบุว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือร้อยละ 86.3 และร้อยละ 85.9 ในขณะที่กลุ่มค้าขายและธุรกิจส่วนตัว มีอยู่ร้อยละ 80.6 นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า กลุ่มนักศึกษาและกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐควรเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ที่ต้องนำยุทธศาสตร์เข้ามาเสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อมั่นและฐานสนับสนุนจากสาธารณชนเฉพาะกลุ่ม มาใช้ให้เกิดผล เพราะ กลุ่มนักศึกษามีการรับรู้และความต้องการเฉพาะกลุ่ม ขณะที่กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐอาจจะกลายเป็นกลุ่มที่มีความซับซ้อนเชิงอำนาจที่ต้องการบริหารจัดการเพราะมีเรื่องของอำนาจ ผลประโยชน์และอิทธิพลทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง