สถานการณ์ในประเทศ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวว่า คดีอาญาที่ฟ้องกันที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นการฟ้องตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนจะถูกหรือผิด ไม่เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ ยกตัวอย่าง มาตรา 157 หาก กระทำโดยประมาทเลินเล่อ ไม่ผิด แต่ทางแพ่งและทางปกครอง แม้ประมาทเลินเล่อก็ผิด เพราะเป็นละเมิด เป็นการกระทำโดยจงใจ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายแพ่ง แต่กฎหมายอาญา มาตรา 157 ต้องเจตนาอย่างเดียวเท่านั้น องค์ประกอบเป็นคนละเรื่อง และคนละศาล เมื่อถามว่า คำสั่งทางปกครองในการยึดทรัพย์ที่กรมบังคับคดีดำเนินการอยู่ ซึ่งถูกหยุดไว้ก่อน จะเดินหน้าต่อได้เมื่อใด นายวิษณุ กล่าวว่า จะยังไม่มีการดำเนินการ เพราะขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยื่นขอทุเลาการบังคับคดี จึงต้องฟังคำสั่งศาล ซึ่งเงินที่เอาออกมาจากการอายัดไว้ 5 บัญชี เก็บไว้ที่กรมบังคับคดี เป็นการให้เก็บรักษาไว้แทนธนาคาร ยังไม่ได้ยึดเป็นของหลวง ถ้าจะยึดจริงต้องส่งให้เจ้าหนี้ คือกระทรวงการคลังเอาเข้าหลวง แต่ตอนนี้ยังไม่เอาไป ซึ่งมีไม่กี่แสนบาท โดยก่อนหน้านี้ นานมาแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยยื่นศาลปกครองกลางเพื่อขอทุเลา แต่ศาลไม่รับเพราะขณะนั้นยังไม่มีการยึด จึงยกคำร้อง แต่เมื่อมีการไปเอามาแล้ว ก็เป็นเหตุให้เขาบอกกับศาลว่ามีการยึดทรัพย์แล้ว จึงยื่นศาลขอทุเลาไปใหม่ นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ศาลปกครองได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังกรมบังคับคดี ให้ตอบ 2 ข้อ ซึ่งตนจำรายละเอียดไม่ได้ แต่เป็นในลักษณะหากศาลทุเลาการบังคับคดี จะทำให้เกิดความ เสียหายอะไรหรือไม่ และจะคัดค้านการทุเลาหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งทางปกครองนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ขอทุเลา และยังมีช่องทางฟ้องต่อ ศาลปกครองว่า เป็นคำสั่งโดยมิชอบ กว่าจะยึดทรัพย์ได้จริง ต้องรอคำตัดสินศาลปกครอง สูงสุดหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะหากศาลไม่สั่งทุเลา ก็เดินหน้าต่อได้ แต่ที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เพราะถึงตอนนั้น หากมีคำสั่งอย่างใด อย่างหนึ่ง สามารถคืนทรัพย์สินได้