สถานการณ์ในประเทศ

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าว เกี่ยวกับข้อเสนอการส่งกลับเหยื่อและผู้เสียหาย จากคดีค้ามนุษย์ ชาวโรฮีนจา กลับประเทศต้นทางนั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงว่า กรณีที่ศาลอาญาพิพากษาคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา เมื่อ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา สั่งจำคุกจำเลย 62 ราย ตั้งแต่ 4-94 ปี เป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ของการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามการ ค้ามนุษย์ สำหรับผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รัฐบาลไทยให้ความคุ้มครองตามหลัก สิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม โดยจัดให้อยู่ในสถานคุ้มครองสวัสดิภาพของรัฐ ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับบริการทางสาธารณสุข การส่งเสริมโอกาสในการทำงาน การศึกษาและความช่วยเหลือในด้านต่างๆ การกลับภูมิลำเนาเดิม และการไปตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สามด้วย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงอีกว่า สำหรับการส่งตัวผู้เสียหายกลับประเทศต้นทางนั้น คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2559 อนุญาตให้ผู้เสียหายและพยานในคดีค้ามนุษย์อยู่ในไทยได้ชั่วคราว และทำงานได้ตามกฎหมายเป็นเวลา 2 ปี หลังจากสิ้นสุดการดำเนินคดี ทั้งนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและรัฐบาลบังกลาเทศร่วมมือกันพิสูจน์สัญชาติชาวบังกลาเทศที่เป็นผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและเป็นผู้เสียหายดังกล่าวในไทย อีกทั้งรัฐบาลไทยส่งตัวคนทั้ง 2 กลุ่มนี้กลับประเทศแล้วกว่า 1,500 คน ส่วนผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ชาวเมียนมา เมื่อพิสูจน์ว่าผู้เสียหายมีสัญชาติเมียนมาจริง รัฐบาลไทยได้ส่งตัวกลับภูมิลำเนา โดยมีเจ้าหน้าที่จากประเทศเมียนมารับตัวที่ชายแดน ขณะที่กรณีผู้เสียหายชาวโรฮีนจาซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นสัญชาติใด ทางการไทยได้ร่วมมือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(ไอโอเอ็ม) ในการส่งผู้เสียหายกลุ่มนี้ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม ( แฟ้มภาพ)