สถานการณ์ในประเทศ

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ระบุว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 - 22 ก.ค. 60 ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 23 จังหวัด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 19 จังหวัด แต่ยังคงมีสถานการณ์ 4 จังหวัด 14 อำเภอ 78 ตำบล 334 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.เสนา อ.บางปะอิน อ.ผักไห่ อ.พระนครศรีอยุธยา และอ.บางไทร รวม 69 ตำบล 318 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 9,972 ครัวเรือน 28,985 คน ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ตะพานหิน อ.วังทรายพูน อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.เมืองพิจิตร อ.ทับคล้อ และอ.สากเหล็ก รวม 7 ตำบล พื้นที่การเกษตรเสียหาย 810 ไร่ จ.อุตรดิตถ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขัน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 50 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 200 ไร่ และจ.พะเยา น้ำในลำน้ำจุนล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยบริเวณริมลำน้ำจุน ต.ลอ อ.จุน ซึ่งสถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง อธิบดี ปภ.กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางทวีกำลังแรงขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำ โดยคาดว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุในช่วงวันที่ 25 – 26 ก.ค. ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป ( ภาพจาก คมชัดลึก )