สถานการณ์ในประเทศ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นถึงการขอให้นายกรัฐมนตรี ส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า เมื่อพิจารณาเนื้อหาสาระของ ร่าง พ.ร.ป.ฉบับนี้แล้ว ไม่เห็นว่ามีอะไรที่ขัดรัฐธรรมนูญ และนายกรัฐมนตรีคงไม่ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเมื่อรับฟังเหตุผลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลที่เกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.ป.นี้ จากภาคส่วนต่าง ๆ คงเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่น่าจะมีส่วนไหนที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเช่นกัน สาระสำคัญของร่าง พ.ร.ป.ที่มีการพูดถึงกันมาก คือ 1.พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ เป็นกรณีที่ศาลรับฟ้องไว้แล้ว และมีหมายเรียก แต่จำเลยไม่มาศาล จนต้องมีการออกหมายจับแต่จับจำเลยไม่ได้ภายใน 3 เดือน นับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้ โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย และ 2. การหนีคดี ไม่ว่าจะหนีในชั้นพิจารณาคดี หรือหลังศาลมีคำพิพากษา ไม่ให้นับอายุความ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า สาระสำคัญดังกล่าว ทำให้ร่าง พ.ร.ป.ฉบับนี้ มีจุดเด่นที่สำคัญอยู่ 3 ประการ คือ 1.เพิ่มศักยภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น 2.ทำให้นักการเมืองส่วนหนึ่งที่ใช้อำนาจอิทธิพลทางการเมือง กระทำการทุจริต ต้องคิดคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะได้รับจากกฎหมายมากขึ้น ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางกฎหมายในการหลบหนีคดี จนขาดอายุความได้อีกต่อไป 3.สร้างความยุติธรรมให้สังคม ด้วยการยึดทรัพย์สิน เงินทอง ที่จำเลยทุจริตไป กลับคืนมาเป็นของแผ่นดิน รวมถึงการเรียกค่าเสียหาย เมื่อมีการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยต่อเนื่องได้จนมีคำพิพากษาถึงที่สุด ถือเป็นการสร้างความยุติธรรมให้สังคมส่วนรวม