สถานการณ์ในประเทศ

พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังเหลือการสอบพยานปากสำคัญอีก 1 ปาก ซึ่งเป็นภรรยาของหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันบุกไปที่บ้าน และร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรมครอบครัว นายวรยุทธ สังหลัง อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เสียชีวิต 8 ศพ เบื้องต้นภรรยาของผู้ต้องหาให้การว่า สามีพูดยอมรับสารภาพว่า สาเหตุที่ไม่ได้กลับบ้านหลายวัน เพราะไปฆ่าคนมา และยังบอกด้วยว่าร่วมก่อเหตุกับใครบ้าง เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องสอบปากคำให้ละเอียดเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ดังนั้น จึงได้เลื่อนวันรับมอบตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน จากทหารในวันนี้ ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางลงพื้นที่ด้วยตัวเองในช่วงเช้า จากนั้นช่วงบ่าย จะขออำนาจศาลจังหวัดกระบี่ ฝากขังผู้ต้องหาผัดแรก ส่วนสำนวนคดีมีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 80 โดยเฉพาะพยานบุคคลค่อนข้างสมบูรณ์ ยังเหลือแค่ผล นิติวิทยาศาสตร์ ที่กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบ ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้กำชับให้ ฟ้องศาลโดยด่วน และทำโดยเร็วเพราะเป็นคดีสำคัญสะเทือนขวัญ พล.ต.อ.สุเทพ ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล 2 เปิดเผยข้อมูลอ้างว่าคดีฆ่ายกครัว 8 ศพมี“เจ๊ ชุมพร” อยู่เบื้องหลังการว่าจ้างคดีฆาตกรรมว่า พ.ต.ท.สันธนะก็รู้จักกับตนเอง หากมีข้อมูลก็สามารถนำมาให้ตนเองได้โดยตรง ซึ่งยินดีพร้อมรับฟังและเปิดกว้าง ขณะเดียวกัน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีข้อมูลทำไมไม่มามอบให้ตั้งแต่แรก ยืนยันว่าคดีนี้ตนทำตั้งแต่ต้น และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ทำคดีอย่างใกล้ชิด และด้วยประสบการณ์การทำงานด้านการสืบสวนมานานกว่า 30-40 ปี จึงมั่นใจว่า จับกุมคนร้ายด้วยพยานหลักฐานที่มีอยู่อย่างแน่นหนา ------------------------ เนชั่น / ภารดี 20 บรรทัดเศษ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย พร้อมรับตัว จตุพร พรหมพันธุ์ กลับเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ------------------------------------------- นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก นายจตุพร พรหมพันธุ์ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และจะถูกนำตัวมาควบคุมต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในวันนี้ ว่า เมื่อนายจตุพรถูกส่งตัวมาควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวไป ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ และจัดทำประวัติผู้ต้องขัง โดยหลังรับตัวผู้ต้องขังใหม่ เข้ามา จะต้องถูกส่งตัวไปคุมขังยังแดนแรกรับ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของเรือนจำ หากผู้ต้องขัง มีอาการเจ็บป่วย เรือนจำมีแพทย์ที่จะคอยตรวจรักษาอาการให้อยู่แล้ว ส่วนกรณีนายจตุพร เคยมีอาการป่วยด้วยโรคกรวยไตอักเสบ และติดเชื้อ ขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ ก่อนหน้านี้นั้น โรคดังกล่าวไม่ใช่โรคประจำตัว แต่เป็นอาการที่สามารถรักษาให้หายได้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวต่อว่า หากนายจตุพรมีอาการเจ็บป่วยเพิ่มเติม หรือมีโรคประจำตัว อื่นๆ ก็จะต้องแจ้งรายละเอียดให้แพทย์ทราบขณะที่ทำการตรวจร่างกาย โดยแพทย์จะตรวจ อาการและลงความเห็นว่ามีอาการป่วยใดต้องรักษาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หรืออาการป่วย จะเป็นอันตรายหรือไม่อย่างไร ซึ่งจะต้องดูไปตามอาการและปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน เมื่อผู้ต้องขังมีอาการเจ็บป่วยก็จะถูกส่งตัวให้แพทย์ทำการตรวจรักษาตามขั้นตอน