สถานการณ์ในประเทศ

ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ หรือ สปท. วันที่ 11 ก.ค.นี้ จะมีการ พิจารณารายงานการปฏิรูปของคณะกรรมาธิการ หรือ กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านพลังงาน จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ 1.เรื่อง“การส่งเสริมกิจการไฟฟ้าเสรีที่ใช้พลังงาน ทดแทนในระดับชุมชน” เพื่อให้มีการปฎิรูปกิจการไฟฟ้า ด้วยการเปิดโอกาสและเชิญชวน ให้เอกชนเข้ามาลงทุนในกิจการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน โดยไม่ต้องให้รัฐจัดหาเงิน มาซื้อไฟฟ้าในราคาพิเศษ แต่ให้เอกชนสามารถขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้แก่เอกชนด้วยกันเอง โดยให้เอกชนทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากันเองอย่างเสรี เปิดโอกาสให้เอกชนสามารถส่ง กระแสไฟฟ้าจากสถานที่แห่งหนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งได้อย่างเสรี และกำหนดให้การไฟฟ้า นครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยินยอมให้เอกชนสามารถใช้โครงข่ายไฟฟ้า เป็นทางผ่าน สายของกระแสไฟฟ้า และให้เอกชนจ่ายค่าผ่านสายที่เป็นธรรมให้แก่การไฟฟ้า ส่วนเรื่องที่ 2 “การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน โดยภาคอุตสาหกรรมและกิจการพลังงาน”ซึ่งกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้าน พลังงาน เสนอให้รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี กำหนดมาตรการส่งเสริมแรงจูงใจภาษีกับ ภาคเอกชนที่มาร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเพื่อสังคมในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง และในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึง ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี พร้อมทั้งเสนอให้จัดตั้งบริษัทวิสาหกิจ เพื่อสังคมในพื้นที่มาบตาพุด เป็นโครงการนำร่อง ทำหน้าที่ประสานเชื่อมโยงและขับเคลื่อน ให้เกิดการซื้อขายสินค้าระหว่างผู้ผลิตคือวิสาหกิจชุมชนและผู้บริโภค คือโรงงานอุตสาหกรรม พนักงาน และประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมนี้ได้รับการสนับสนุน จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้ประกอบการ อุตสาหกรรม และบริหารจัดการร่วมกันโดยกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและ วิสาหกิจชุมชนโดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณของภาครัฐและไม่เป็นภาระต่อภาครัฐ ในการกำกับดูแล และเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการ CSR ที่กลุ่ม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบางแห่งได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน