สถานการณ์ในประเทศ

นายอุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า กรณีทำความเห็น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอให้แก้ไขและทบทวนเนื้อหาของ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ต่อประเด็นระบบเลือกตั้งขั้นต้น เพื่อหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคการเมือง (ไพรมารี่โหวต) และเชิญ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาชี้แจงสาระที่ กรธ.ขอแก้ไข เพื่อไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ รวมถึงไม่มีช่องว่างที่ทำให้เกิดการทุจริต หรือซื้อเสียงในขั้นตอนไพรมารี่โหวต เบื้องต้น พล.อ.สมเจตน์ เห็นด้วยกับรายละเอียดและประเด็นที่บัญญัติเพิ่มเติม ในกลุ่มมาตราว่าด้วยการทำไพรมารี่โหวต 5 มาตรา และ ในบทเฉพาะกาล 1 มาตรา โดยยังคงหลักการของระบบไพรมารี่โหวตไว้ ทั้งนี้ หลังจาก สนช. มีมติให้ตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย คือ สนช., กรธ. และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว กรธ.จะเป็นผู้นำเสนอรายงานและรายละเอียดให้ที่ประชุม กมธ. ร่วมพิจารณา นายอุดม เปิดเผยต่อว่า ประเด็นที่แก้ไขและปรับปรุง อาทิ กรณีข้อพิพาทหรือมีข้อร้องเรียนของผู้สมัครรับเลือกตั้งในระบบไพรมารี่โหวต กำหนดให้หาข้อยุติภายในพรรค โดยกรรมการบริหาร หัวหน้าพรรค และกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ส่วนกรณีพบการทุจริต เป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรคที่ต้องพิจารณาความถูกต้อง แต่หากพบกรณีที่ไม่ทำตามกฎหมาย กรรมการ บริหารและหัวหน้าพรรค ต้องถูกลงโทษทางอาญา เบื้องต้น มีข้อเสนอให้ปรับเป็นเงิน 10,000 บาท หรือจำคุก 6 เดือน แต่จะไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายนำความไปฟ้องในคดีแพ่ง ส่วนการซื้อเสียงอยู่ระหว่างพิจารณาบทลงโทษ นายอุดม รัฐอมฤต กล่าวอีกว่า ระบบไพรมารี่โหวต กรธ.กำหนดให้เป็นเรื่องเฉพาะภายในพรรคและจะไม่ขยายไปสู่การเลือกตั้งระดับชาติ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความวุ่นวาย และเพื่อไม่ให้ กกต.มีอำนาจแจกใบเหลือง ใบแดง กระบวนการภายในพรรคได้ แต่หน้าที่ของ กกต.ต่อเรื่องนี้ คือ การกวดขันว่าพรรคการเมืองดำเนินการตามนี้แล้วหรือไม่ สำหรับประเด็นการลงมติเพื่อให้ผู้ผ่านไพรมารี่โหวต ได้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น กรธ. คำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องไม่ช้าจนกระทบการส่งผู้สมัคร ส.ส. จึงกำหนดให้ กรรมการบริหารพรรค และกรรมการสรรหา ลงมติได้ โดยต้องใช้เสียงข้างมากเกิน 3 ใน 4 ของการประชุม รวมถึงการเรียงลำดับผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หากเกิดกรณีที่ผู้สมัครได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งขั้นต้นเท่ากัน ส่วนที่ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง กำหนดให้หัวหน้าพรรคต้องลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 นั้น กรธ.เห็นว่าเป็นประเด็นที่ตัดสิทธิหัวหน้าพรรคเกินไป จึงขอให้ตัดออก