สถานการณ์ในประเทศ

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ในฐานะโฆษก คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือ พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แถลงผลการประชุมที่ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อโต้แย้งของ กกต. ใน 6 ประเด็น ประกอบด้วย 1 การกำหนดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้เป็นกรรมการสรรหา กกต. 2. การกำหนดเพิ่มเรื่องคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของ กกต. 3. กกต. คนเดียวหากพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นทุจริตสามารถสั่งระงับ ยับยั้งการเลือกตั้ง ในหน่วยหรือเขตเลือกตั้งนั้นได้ 4.กกต.มอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดการเลือกตั้ง ผู้บริหารและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5.กกต. มอบอำนาจให้เลขาธิการ กกต. หรือพนักงาน กกต. เป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจในการ สืบสวน สอบสวน หรือไต่สวนได้ และ6. กกต.ชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่ง หรือการเซตซีโร ทั้งนี้ มติเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า ทั้ง 6 ประเด็น ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มีเพียงนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ที่ไม่เห็นด้วยและขอสงวนความเห็นไว้ ทั้งนี้ วันที่ 7 ก.ค. กรรมาธิการร่วม จะประชุมอีกครั้งเพื่อตรวจรายละเอียดอีกครั้งก่อนนำเสนอประธาน สนช. เพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม สนช. คาดว่า เข้าที่ประชุมได้ในวันที่ 13 ก.ค.หรือ วันที่ 14 ก.ค. ถือว่า อยู่ในการระยะเวลา 15 วัน เชื่อว่า สมาชิก สนช. จะโหวตผ่านร่างฯ โดยจะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก สนช. หรือหากจะคว่ำร่าง ก็ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิก สนช. แต่เห็นว่า ไม่มีเหตุผลที่จะคว่ำร่างฯ เพราะ สนช. เป็นผู้เห็นชอบร่างมาเอง และกรรมาธิการ ร่วม ไม่มีการแก้ไขอะไรเลย หากจะคว่ำ ต้องตอบสังคมให้ได้ เพราะอะไร แต่ไม่คิดว่า จะเกิดขึ้น