สถานการณ์ในประเทศ

กรณีมีการเปิดเผยว่า ข้าราชการระดับสูงของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนวัด โดยทำในรูปของ “เงินทอน” คือ ชักเงินกลับจากวัด ที่ได้รับเงินอุดหนุนจาก พศ.ในสัดส่วนที่สูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อ งบประมาณแผ่นดินกว่า 60 ล้านบาท . นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้อง พิทักษ์ กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะทำเรื่องถึงเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เพื่อให้ตรวจสอบ ว่า ในจำนวนการทุจริตที่เกิดขึ้นกับ 12 วัดนั้น เจ้าอาวาสทั้ง 12 วัดสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ตนจะทำเรื่องถึงผู้อำนวยการ พศ. เพื่อขอดูบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดที่ได้รับ เงินอุดหนุนของ พศ.ในช่วงปีงบประมาณ 2558-2559 เพื่อดูรายละเอียดว่า มีการบันทึก เงินอุดหนุนที่ได้รับจาก พศ. ไว้หรือไม่ อย่างไร . นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เคยเสนอให้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการ ทรัพย์สินวัด โดยให้ทุกวัดจัดทำบัญชีทรัพย์สินและเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ที่ผ่านมา ถูกชะลอไว้ก่อน เมื่อเกิดเรื่องทุจริตเงินอุดหนุนวัดในรูปของ “เงินทอน” ที่ทำให้เกิดความ เสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน รวมถึงกรณีของวัดวังตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช ที่มี ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ในวัด ทำให้เกิดการฆาตกรรมฆ่าโบกปูน “สามเณรปลื้ม” น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะมีการเร่งให้จัดทำกฎหมายนี้ออกมา แต่ในเบื้องต้น ควรออกเป็น ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดให้วัดหรือองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก พ.ศ. ต้องจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัดและเปิดเผยต่อสาธารณะด้วย