SMART NEWS

ราคาทองวันนี้ (24 พ.ย. 68) ปรับลง 150 บาท รูปพรรณบาทละ 63,100 บาท 24 พ.ย. 68 09:11 น.

สถานการณ์ในประเทศ

รัฐบาลหนุนธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก สร้างความเข้มแข็ง รับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

views

พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีเป้าหมาย พัฒนาธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก โรงแรมบูติกและโฮสเทล ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อรองรับ นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมายังประเทศไทย และชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทาง วัฒนธรรมและชุมชน โดยเน้นให้ผู้ประกอบการใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกแบบตกแต่ง สถานที่ ให้บริการด้วยความใส่ใจและใกล้ชิด ผสมผสานกับวิถีชีวิตแบบไทยอย่างลงตัว รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ให้บริการด้านต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความ ประทับใจแก่ผู้ใช้บริการอย่างครบวงจร . ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้นำร่องพัฒนาธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กในภาคเหนือ ซึ่งมีทั้ง ผู้ประกอบการธุรกิจบริการท่องเที่ยว 128 ราย และธุรกิจโรงแรมบูติกและโฮสเทล 167 ราย พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการจับคู่เครือข่ายธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ขณะนี้ มีจำนวนผู้ประกอบในระบบประมาณ 3,000 ราย และจะขยายผลไปยังภาคอื่น ๆ ให้มีจำนวนมากขึ้น . โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงกฎหมายและ ผ่อนปรนกฎระเบียบให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถพัฒนาธุรกิจจากอาคารที่มีอยู่ โดยนำไปปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจโรงแรมที่ถูกต้อง ไม่จำกัดเฉพาะการมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ เป็นการสร้างความ เท่าเทียมกันระหว่างกลุ่มทุนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ มากขึ้นถึงร้อยละ 30 ต่อปี ที่สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์นำเสนอให้เกิดความแตกต่าง และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น . การสนับสนุนธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กทำให้มูลค่าทรัพย์สินของไทยสูงขึ้น เมื่ออสังหาริมทรัพย์ ทั่วไปถูกแปรสภาพสู่ธุรกิจที่พักอาศัยเชิงการท่องเที่ยว และยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ของโรงแรมทั่วประเทศ อีกทั้งยังช่วยให้เกิดธุรกิจต่อยอดลงไปในชุมชน เช่น ทัวร์พาชิม และทำอาหารท้องถิ่น ธุรกิจสปา การปลูกผักออร์แกนิค ฯลฯ โดยผู้ประกอบการเหล่านี้ สามารถขยายตลาดได้กว้างขวางผ่านโลกออนไลน์ได้อีกด้วย" . ทั้งนี้ โรงแรมขนาดเล็กในปัจจุบันมีจำนวน 4,727 ราย จากธุรกิจโรงแรมทั้งหมด 8,384 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 56 โดยรัฐบาลตั้งเป้าพัฒนาและสร้างรายได้จากธุรกิจโรงแรมให้ได้ ไม่น้อยกว่าปีละ 200,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับปี 2558 ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศในปีดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึงกว่า 13.5 ล้านล้านบาท

TW-headbar