SMART NEWS

การสู้รบฝั่งเมียนมา ยังไม่กระทบไทย 24 เม.ย. 67 11:04 น.

กิจกรรม

สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทยนำเสนองานวิจัยเชิงนโยบาย “ยกระดับอาชีวศึกษา ยกระดับประเทศไทย”เพื่อให้ประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลาง

views

     สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทยเสนอนโยบายสาธารณะให้รัฐบาลยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม ปรับหลักสูตร ลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัย โดยรัฐบาลจำเป็นต้องสนับสนุนงบประมาณเพิ่มอีกปีละ56,800 ล้านบาทต่อปีส่งเสริมการฝึกงานและการเตรียมพร้อมทั้งในโรงเรียนและสถานประกอบการโดยจะช่วยให้นักศึกษามีรายได้ 8,580 บาทต่อเดือน ระหว่างฝึกงานเป็นเวลา 6 เดือนต่อชั้นปี อีกทั้งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน ด้วยนโยบายเรียนฟรีถึงปวส. ทั้งสายช่าง สายพาณิชย์ และสายอื่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เด็กนักเรียนได้เรียนต่อ ตั้งเป้า 80% ของเด็กนักเรียนไทยเรียนจบชั้น ปวช. หรือ ม.6
     ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (FutureInnovation Thailand Institute: FIT) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยเคยเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจปี พ.ศ.2540 โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ปีละประมาณร้อยละ 6-7อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกมากกว่าร้อยละ20และประเทศไทยเคยเป็นประเทศที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่นักลงทุนต่างชาติเลือกลงทุนแต่ในปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 3-4และไม่สามารถกลับไปเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วเหมือนสมัยก่อนในขณะที่อุตสาหกรรมส่งออกเริ่มมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยทางตลาดโลกและปัจจัยทางโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยจะเห็นได้ชัดว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลงทั้งนี้ในสมัยก่อนนั้นประเทศไทยก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมส่งออกในยุค1980s โดยอาศัยความได้เปรียบ เชิงเปรียบเทียบ (ComparativeAdvantage) จากการมีแรงงานไร้ฝีมือราคาถูกจำนวนมาก (Labour-intensive) แต่ในปัจจุบันประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีแรงงานราคาถูกอีกต่อไป ในขณะที่แรงงานที่มีทักษะปานกลางถึงสูงในประเทศไทยมีจำนวนที่ค่อนข้างน้อยทำให้ไม่สามารถยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Technology Intensive หรือCapital Intensive ได้ ปัจจุบันรายได้ประชาชาติต่อหัวของประเทศไทยในปีพ.ศ.2560 จะอยู่ที่ 5,960 ดอลล่าสหรัฐ หรือประมาณ 16,300 บาทต่อเดือน และจากการสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชากรไทย พบผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทถึงร้อยละ 74.84 ดังนั้นประเทศไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในอาชีวศึกษาเพื่อที่จะเพิ่มแรงงานที่มีทักษะสูง โดยเฉพาะวิศวกรและช่างเทคนิคให้เร็วที่สุดเพื่อที่ยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่เทคโนโลยีที่สูงขึ้น มีผลิ9ภาพที่สูงขึ้นหรือมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นเพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง
     โดยในงานนำเสนองานวิจัยเชิงนโยบายชิ้นนี้ ได้รับความสนใจจากทั้งนักวิชาการ นักการเมือง ตัวแทนสภาบันอาชีวศึกษาตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการ และภาคเอกชนเข้าร่วมฟังข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทยรวมไปถึงผู้ปกครองและนักเรียนอาชีวะร่วมตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็นต่ออนาคตอาชีวศึกษาในประเทศไทย โดยมี ดร.สุทธิกร กิ่งแก้วผู้อำนวยการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจ
จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
     ดร.ธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ ผู้อำนวยการด้านนโยบายสาธารณะ และนางสาววิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ นักวิเคราะห์นโยบายสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (FIT) ได้นำเสนอผลงานวิจัยเชิงนโยบาย
เรื่องยกระดับทักษะแรงงานเพื่อก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีความพยายามที่จะพัฒนาระบบอาชีวศึกษามาเป็นเวลานาน แต่ไม่ได้มีการลงทุนในอุปกรณ์และเครื่องจักรอย่างจริงจังทำให้ความรู้และทักษะของนักเรียนอาชีวศึกษายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน อีกทั้งระบบทวิภาคีขาดการสนับสนุนจากภาคเอกชนโดยเฉพาะจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ทำให้นักเรียนอาชีวศึกษายังขาดความพร้อมในการทำงานทั้งนี้สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทยได้นำเสนอวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย แรงงานไทย และอาชีวศึกษา ดังนี้
     1. ทุกคนมีทักษะพร้อมทำงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
     2. นักเรียนร้อยละ 80 เรียนจบ ปวช. หรือ ม.6 ขึ้นไป
     3. สัดส่วนของนักเรียน ปวช. : ม.6 อยู่ที่สัดส่วน 50 : 50
     4. ในอนาคตเงินเดือน ปวส. ที่มีคุณภาพเงินเดือนใกล้เคียงกับปริญญาตรี
     5.เปลี่ยนโครงสร้างตลาดแรงงานจากแรงงานไร้ฝีมือไปสู่แรงงานที่มีทักษะสูง
     6.ผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสเปลี่ยนหรือเพิ่มทักษะฝีมือแรงงานโดยมีภาครัฐสนับสนุน
     7. เพิ่มบทบาทภาคเอกชนในการจัดการศึกษา และการฝึกทักษะ ด้วยระบบPerformance-basedเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน
     สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาผลงานวิจัยและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่องยกระดับทักษะแรงงาน เพื่อก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ฉบับเต็มสามารถติดตามได้ที่ www.fit.or.th หรือรับชมบันทึกงานนำเสนองานวิจัยได้ที่ Facebook page: Future Innovative Thailand Institute

TW-headbar